- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Sunday, 12 August 2018 19:48
- Hits: 13043
ลาวเบรกสร้างเขื่อนไม่กระทบ กฟผ.ยันมีสำรองพอ 30%แจง MOU ซื้อ 9 พันเมกฯ
ไทยโพสต์ *’สหรัฐ’ เผยหลัง ครม.ลาวเบรกสร้างเขื่อน เป็นเรื่องปกติที่ต้องเข้มงวดมากขึ้น ชี้ยังไม่มีผลกระทบกับไทย ด้านเอ็มโอยูซื้อขายไฟ 9 พันเมกฯ เป็นแค่กรอบกำหนดไม่ใช่ข้อบังคับ ยันไทยยังมีสำรองไฟอยู่ที่ 30% ‘ศิริ’ รอข้อมูลชัดเจน ด้านบีซีพีจีโอดผลการดำเนินงานหด
นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ของ สปป.ลาว มีมติกำหนดให้รัฐบาลยุติการพิจารณาโครงการเขื่อนใหม่ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว เพื่อศึกษาทบทวนเกี่ยวกับยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาเขื่อนผลิตไฟฟ้าใน สปป.ลาว หลังจากเกิดเหตุเขื่อนดินโรงไฟฟ้าเซเปียน-เซน้ำน้อยแตก ว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีการเข้มงวดมากขึ้นในการดำเนินงานต่อไป ซึ่งในส่วนของเขื่อนที่กำลัง ก่อสร้างปัจจุบัน ก็จะต้องดูว่ามีความปลอดภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดด้วย
ทั้งนี้ ตามข้อตกลงซื้อขาย ไฟฟ้า (เอ็มโอยู) ระหว่างไทยลาวที่มีอยู่ในปัจจุบัน 9,000 เมกะ วัตต์ เป็นกรอบที่กำหนดว่าไทย จะพัฒนาหรือจะซื้อไฟฟ้าจากลาวในปริมาณเท่าไหร่ แต่ไม่มีการกำหนดว่าจะต้องซื้อทุกปีหรือจากทุกโรงไฟฟ้า ขณะที่ในระยะต่อไปทางรัฐบาลไทยเอง ก็ต้องมีการหารือกันว่าจะมีการ ลงนามพิจารณาซื้อไฟฟ้าจากฝั่งลาวนอกเหนือจากสัญญาเพิ่มเติมหรือไม่ ตามสถานการณ์ความต้องการไฟฟ้าของประเทศ ไทย ซึ่งทุกอย่างจะถูกกำหนดลง ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) ฉบับใหม่ ที่กระทรวงพลังงานเป็นผู้ดูแล
"อย่างที่ทราบกันดีว่าประ เทศไทยมีปริมาณสำรองไฟฟ้าในปัจจุบันสูงถึง 30% ซึ่งในปัจจุ บันคงไม่มีผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าในประเทศ แต่ก็ต้องดูความ ต้องการไฟฟ้าของประเทศควบ คู่กันไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากลาวยังดำเนินมาตร การให้เอกชนเข้าไปก่อสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศต่อนั้น ก็จะต้องมีมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างเข้มงวดขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งเรื่องการออกแบบ การก่อสร้างให้ได้มาตรฐาน ความปลอดภัย หรือข้อบังคับต่างๆ ไม่ว่านักลงทุนประเทศไหนก็ต้องดำเนินตามกฎระเบียบของรัฐบาลลาว และต้องเสนอวิธีการพัฒนาโครงการต่อรัฐบาลลาว หากไม่ได้มาตรฐานที่วางไว้ ก็อาจจะไม่สามารถลงทุนได้"นายสหรัฐกล่าว
ด้านนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลลาวสั่งให้ยุติการพิจารณาโครงการเขื่อนใหม่ไว้ก่อนเป็น การชั่วคราวว่า อาจจะเป็นข้อสันนิษฐานกันอยู่ และยังไม่ทราบ ในประเด็นดังกล่าว ต้องรอรัฐ บาลลาวแจ้งมาอย่างเป็นทางการ
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ บริษัทมีการรับรู้ผลการดำเนินงานจากการจำหน่ายไฟของบริษัทและรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทย่อย โดยบริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าประ มาณ 874 ล้านบาท ลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุเกิดจากความเข้มของแสงอาทิตย์ในไตรมาสที่ 2/2561 ลดลงทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้กำลังการผลิตไม่ดี เท่าที่ควร ขณะที่ไตรมาส 2/61 มีกำไรสุทธิ 419 ล้านบาท ลดลง 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 462.5 ล้านบาท.