- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 15 September 2014 09:49
- Hits: 2845
'ณรงค์ชัย' จ่อปรับโครงสร้าง พง.
บ้านเมือง : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางเข้ากระทรวงพลังงานเป็นวันแรก พร้อมนำคณะผู้บริหารสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ศาลท้าวมหาพรหม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณอาคารเอ็นโก้ กระทรวงพลังงาน โดยมีคณะผู้บริหาร อาทิ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน นายคุรุจิต นาครทรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาตินายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมข้าราชการกระทรวงพลังงาน โดย นายณรงค์ชัย มีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพร้อมคณะผู้บริหารจะมีการประชุมถึงนโยบายด้านพลังงาน โดยต้องติดตามถึงความคืบหน้าของนโยบายและการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้งราคาของ LPG และ ก๊าซ NGV ต่อไป
นายคุรุจิต กล่าวว่า ผู้สำรวจปิโตรเลียมในพื้นที่ใกล้แหล่งสินภูฮ่อม จ.อุดรธานี แจ้งว่า มีโอกาสพบก๊าซธรรมชาติ ดังนั้นจึงได้แจ้งต่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อจะได้ปรับแผนการผลิตไฟฟ้ารองรับปริมาณค้นพบ
นายคุรุจิต กล่าวว่า บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. ได้รายงานให้ทราบว่าปริมาณสำรองของแหล่งก๊าซฯ สินภูฮ่อม จะสามารถผลิตได้อย่างน้อย 15 ปี จึงได้ยืนยันปริมาณสำรองให้แก่ทาง กฟผ.ได้รับทราบ โดยล่าสุด กฟผ.ขอขยายสัญญาซื้อขายก๊าซฯ กับ ปตท.จากเดิมสัญญาสิ้นสุดในปี 2564 เป็นสิ้นสุดปี 2567 ในขณะที่ โรงไฟฟ้าน้ำพองทั้ง 2 ชุด กำลังผลิตรวมประมาณ 700 เมกะวัตต์ ครบอายุจะปลดระวาง ในปี 2567 ซึ่งล่าสุด กฟผ.เตรียมแผนบำรุงรักษาจัดเตรียมแผนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตรองรับจนถึงปี 2567
ทั้งนี้ หากมีปริมาณก๊าซเพียงพอ กฟผ.พร้อมพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทน ซึ่งนับได้ว่าเป็นการกระจายเชื้อเพลิงรองรับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคอีสานที่เพิ่มขึ้นรองรับเออีซี โดยความต้องการใช้ขยายตัวกว่า 4.5% ต่อปี
ทั้งนี้ ผู้สำรวจปิโตรเลียมใกล้แหล่งภูฮ่อม ยังแจ้งด้วยว่าพบปริมาณก๊าซ ซึ่งนับเป็นข่าวดี ในขณะเดียวกันยังมีการสำรวจในกาฬสินธุ์ ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ซึ่งจะเป็นการรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในภาคอีสาน ปัจจุบันก๊าซฯ ที่พบและนำมาใช้เชิงพาณิชย์ในอีสานมี 2 แหล่งคือ แหล่งน้ำพอง จ.ขอนแก่น โดยเดิมผลิตได้ 100 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน แต่ปริมาณลดลงเหลือ 10-15 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน แหล่งสินภูฮ่อมผลิต 120-130 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน โดยก๊าซส่วนใหญ่ส่งไปผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าน้ำพอง และอีกประมาณ 18-20 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน ส่งไปจำหน่ายเป็นก๊าซเอ็นจีวี ขณะที่ภาคอีสานมีความต้องการประมาณ 800 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน
'ณรงค์ชัย'เตรียมปรับภาษี'ดีเซล' พร้อมส่งสัญญาณขึ้น LPG ขนส่ง
แนวหน้า : นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน ได้เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพลังงาน ที่บริเวณหน้าอาคารเอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ พร้อมมอบนโยบายแก่ข้าราชการกระทรวงพลังงาน โดยมีผู้บริหารระดับสูง อาทิ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน นายคุรุจิต นาครทรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน และนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต้อนรับ
นายณรงค์ชัย กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนที่จะรีบดำเนินการคือ การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ให้ทันภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เนื่องจากแหล่งพลังงานในไทยเหลือพอใช้ในประเทศอีก 7 ปีเท่านั้น การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 และการพิจารณาต่ออายุสัมปทานให้รายเก่า จึงเป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการเป็นอันดับแรก เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศ
ทั้งนี้ นโยบายของกระทรวงฯ เป็นไปตามที่แถลงต่อ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ข้อย่อย 6.9 ที่ดำเนินการปฏิรูปพลังงานให้สอดคล้องกับต้นทุน มีภาษีที่เหมาะสม เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไม่ให้เกิดการใช้ที่ฟุ่มเฟือย รวมทั้งจะเดินทางไปเจรจากับกัมพูชา เพื่อตกลงเรื่องพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนในทะเล ขณะเดียวกันจะมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาพลังงานร่วมกัน
"นายกรัฐมนตรีจะมีการเรียกประชุมปลัดกระทรวงทุกท่าน เพื่อนำนโยบายไปสู่แผนปฏิบัติ โดยในส่วนของแผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาว หรือพีดีพี ที่กำลังรับฟังความเห็นจะมีการกระจายเชื้อเพลิง ไม่ทิ้งเรื่องนิวเคลียร์ ขณะที่ถ่านหินสะอาดต้องรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจ เพราะขณะนี้มีแต่มโนว่าถ่านสกปรก"
นายณรงค์ชัย กล่าวว่า ในส่วนของราคาพลังงานต้องเป็นไปตามหลักการที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวต่อประเทศ เช่น กรณีดีเซลซึ่งลดภาษีต่ำ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2554 เพราะใช้นโยบายประชานิยมดูแลราคา 30 บาท/ลิตร ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะควรต้องปรับอัตราภาษีให้เท่าเทียมกับกลุ่มเบนซิน
ทั้งนี้ โครงสร้างราคาน้ำมัน จะมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเบนซินให้ใกล้เคียงกัน เนื่องจากความต้องการใช้ดีเซลในประเทศมีสูง ทำให้ปริมาณเบนซินเหลือ ส่งผลให้ต้องจำหน่ายออกนอกประเทศในราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริง
"ราคาพลังงานก็ต้องยึดตามหลักการ เมื่อใช้น้ำมันเหมือนกัน ภาษีและภาระก็ต้องเท่ากัน ยกเว้นผู้ด้อยโอกาสก็ต้องหาทางช่วยเหลือ หลังจากนี้จะมีการทำแผนปฏิบัติการตามนโยบายนี้ เมื่อเราอยู่ด้วยกันก็ต้องขอร้องว่าควรคำนึงถึงหลักกา รและประนีประนอมกัน"
ส่วนนโยบายการปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี และก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ หรือเอ็นจีวี เห็นว่า เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจในหลักการ ให้มีความเห็นตรงกันทุกภาคส่วน เพื่อนำมาพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ และแนวทางในการปรับราคาให้สอดคล้องกับต้นทุน และมีความเป็นธรรมแก่ผู้ใช้ทุกประเภท โดยส่วนตัวเห็นว่าควรยกเลิกการชดเชยราคาแอลพีจีในภาคขนส่ง แต่ยังควรอุดหนุนหรือชดเชยราคาในภาคครัวเรือน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง
"ขณะนี้ผมมีความเป็นห่วงเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานของไทย ทั้งการสำรวจและขุดเจาะแหล่งปิโตรเลียมในไทย รวมถึงการสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการใช้ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น กระทรวงพลังงานมีความตั้งใจที่จะเข้ามาดำเนินการใน 2 เรื่องดังกล่าว แม้จะยังบอกไม่ได้ว่า การขอเจรจาและซื้อแหล่งก๊าซจากประเทศเพื่อนบ้านจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน แต่เราก็จะทำตามหลักการอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนจากการขาดแคลนพลังงานและไฟฟ้าในอนาคต"
ในวันเดียวกัน คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้ประชุมเพื่อพิจารณาปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน สำหรับน้ำมันดีเซล โดย นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะเลขานุการ กบง.กล่าวว่า กบง.เห็นชอบปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซล ขึ้น 0.70 บาท/ลิตร จากเดิมจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ 1.00 บาท/ลิตร เป็นจัดเก็บ 1.70 บาท/ลิตร โดยไม่มีผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลแต่อย่างใด ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ทั้งนี้ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.2557 เป็นต้นไป
ผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน ในครั้งนี้ ทำให้กองทุนน้ำมัน มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ประมาณ 1,125 ล้านบาท/เดือน จากเดิมมีรายรับ 1,716 ล้านบาท/เดือน เป็นมีรายรับ 2,841 ล้านบาท/เดือน โดยฐานะกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 7 ก.ย.2557 มีฐานะสุทธิติดลบประมาณ 5,982 ล้านบาท