WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

'พลังงาน'ส่งซิกล้มโต๊ะ เลิกอุ้มดีเซล พ่วง'แอลพีจี'ภาคขนส่ง ประคองต่อแค่'ครัวเรือน'

      แนวหน้า : “พลังงาน”ส่งซิกล้มโต๊ะ เลิกอุ้มดีเซล พ่วง“แอลพีจี”ภาคขนส่ง ประคองต่อแค่'ครัวเรือน'สศค.ชงรีดภาษีที่ดิน0.1% กม.มรดกส่อใช้ไม่ทันปีนี้ รมต.คึกคักเข้ากระทรวง

       เมื่อวันที่ 12 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้ารับตำแหน่งของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีการพบปะและเน้นย้ำนโยบายสำคัญแก่ข้าราชการ

     โดยที่กระทรวงพลังงาน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก่อนมอบนโยบายให้ข้าราชการตอนหนึ่งว่า จะนำนโยบายที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาปฏิบัติ โดยเฉพาะการปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับต้นทุนกับภาระภาษีที่เหมาะสม

ส่งซิกเลิกอุ้มดีเซล-LPGขนส่ง

       หลักการ คือ ในกรณีน้ำมัน การจ่ายภาษีต้องเท่ากันและรับภาระเท่ากัน ยกเว้นคนด้อยโอกาสที่รัฐบาลจะช่วยเหลือ ไม่ได้ให้ใช้กันอย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งน้ำมันดีเซลใช้กันมากแต่ราคาถูก เพราะภาษีสรรพสามิตต่ำ แต่น้ำเบนซินคนใช้น้อยกลับแพง บางคนที่ใช้ไม่ได้จะรวย จึงคิดว่าช่วยคนที่มีรายได้น้อยจะดีกว่า เช่นเดียวกับกรณีก๊าซธรรมชาติ ที่ไม่สนับสนุนแอลพีจีไปใช้ภาคขนส่ง ต้องแยกให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ได้เอาไปเผาอย่างเดียว ส่วนตัวเห็นว่า ควรยกเลิกการชดเชยราคาแอลพีจีในภาคขนส่ง แต่ยังควรอุดหนุนหรือชดเชยราคาในภาคครัวเรือนเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง

ลุยเจรจาแหล่งน้ำมันทับเขมร

       สำหรับ การจัดหาพลังงานให้เพียงพอนั้น นายณรงค์ชัย กล่าวว่า สิ่งแรกที่จะดำเนินการให้ได้ภายในรัฐบาลชุดนี้ ในการพิจารณาเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 และการต่ออายุสัญญาสัมปทานที่จะหมดอายุในอีก 5-6 ปีข้างหน้าของแหล่งเอราวัณและบงกชในอ่าวไทย พร้อมเดินหน้าเจรจาพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนไทย-กัมพูชา เนื่องจากมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมค่อนข้างมาก เป็นประโยชน์ทั้งสองประเทศ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นแผนเดิมอยู่แล้วแต่ไม่คืบหน้า เนื่องจากมีปัญหาการเมืองและเป็นเรื่องเขตแดนเขาพระวิหารเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงลามไปยังพื้นที่ทางทะเล ซึ่งเรื่องนี้คงต้องมาดูรายละเอียดว่าต้องแยกการพิจารณาออกจากกัน ส่วนจะจบได้ในรัฐบาลนี้หรือไม่ ตอบไม่ได้ เพราะเกี่ยวข้องกับกัมพูชา

เก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนเพิ่ม 70 สต.

      วันเดียวกัน มีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซล โดยนายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)ในฐานะเลขานุการ กบง.เผยว่า ที่ประชุม กบง. เห็นชอบปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซล 0.70 บาท/ลิตร จากเดิมจัดเก็บ 1.00 บาท/ลิตร เพิ่มเป็นจัดเก็บ 1.70 บาท/ลิตร โดยไม่มีผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลแต่อย่างใด ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนเป็นต้นไป

      นายชวลิต กล่าวว่า เหตุผลของการเพิ่มเงินกองทุนดีเซล โดยไม่มีการลดราคา เนื่องจากค่าการตลาดสูงกว่า 2 บาท/ลิตร และต้องนำเงินไปดูแลกองทุนน้ำมันที่มีฐานะติดลบ ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นประมาณ 1,125 ล้านบาท/เดือน จากเดิมมีรายรับ 1,716 ล้านบาท/เดือน เป็นมีรายรับ 2,841 ล้านบาท/เดือน โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯถึงวันที่ 7 กันยายน มีฐานะสุทธิติดลบประมาณ 5,982 ล้านบาท

คาดกม.มรดกประกาศไม่ทันปีนี้

    สำหรับ ความคืบหน้าการเก็บภาษีมรดก นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยว่า ร่างพ.ร.บ.ภาษีมรดกอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา กำลังตรวจสอบเป็นรายมาตราคงต้องใช้เวลาอีกระยะ คาดว่าไม่สามารถประกาศใช้ได้ทันในปีนี้

สศค.ชง 3 อัตราภาษีที่ดิน

    ด้าน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เตรียมหารือกับ นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยจะเสนอแบ่งเป็น 3 อัตรา เริ่มจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเชิงพาณิชย์ เก็บไม่เกิน 0.5% ของราคาประเมิน ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยเก็บในอัตรา 0.1% และที่ดินเพื่อการเกษตรไม่เกิน 0.05% ส่วนที่ดินว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามสมควรแก่สภาพที่ดิน จะเรียกเก็บอัตรา 0.05% หากยังไม่ใช้ประโยชน์ติดต่อกัน ให้เพิ่มภาษีอีก 1 เท่าในทุกๆ 3 ปี แต่ไม่เกิน 2% ของราคาประเมิน

สุรศักดิ์ชี้ 3 เดือนไร้ผลงานพร้อมไป

       ด้าน พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงานและปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าปฏิบัติหน้าที่วันแรกที่กระทรวงแรงงาน โดยมอบนโยบายสำคัญเร่งด่วน 6 เรื่องที่ต้องดำเนินการคือ การเตรียมการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว การป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ การเตรียมพร้อมรองรับประชาคมอาเซียน จัดระเบียบสถานประกอบกิจการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน การปรับปรุงกฎหมายเร่งด่วน อาทิ การแก้ไขกฏหมายประกันสังคมและกฎหมายเงินทดแทน แก้ไข พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน การปฏิรูปโครงสร้างกระทรวง พร้อมระบุด้วยว่า โดยประเมินการทำงานทุก 3 เดือน จึงขอให้ข้าราชการทำงานอย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งหากดำเนินการไปแล้ว 3 เดือน แต่กระทรวงไม่มีความคืบหน้าก็จะไปลาออกเอง

“อดุลย์”ฟิตเร่งแก้ค้ามนุษย์-อุ้มบุญ

     ส่วนพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวมอบนโยบายเนื่องในโอกาสเข้าทำงานวันแรกเช่นกัน เน้นย้ำเร่งลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ดูแลผู้ด้อยโอกาสคนยากจน คนชราโดยต้องมีการเตรียมพร้อมก่อนที่ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่วนปัญหาเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ไขในขณะนี้คือปัญหาค้ามนุษย์และการอุ้มบุญ

“บิ๊กเจี๊ยบ”ให้ทูตมะกัน-ญี่ปุ่นเข้าคารวะ

    เช่นเดียวกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ เข้าปฎิบัติหน้าที่ที่กระทรวงต่างประเทศวันแรก โดยเปิดโอกาสให้นางคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ตามด้วยนายฮิเดะอากิ โคบายาชิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ เพื่อแสดงความยินดีต่อการเข้ารับตำแหน่งใหม่ พร้อมหารือข้อราชการ

“ณรงค์”แจกนโยบายขรก.ศธ. 22 ข้อ

   ที่กระทรวงศึกษาธิการ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.)และผู้บัญชาการทหาเรือ (ผบ.ทร.) พร้อมนายกฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศธ. และพล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบก และรมช.ศธ.เดินทางเข้าทำงานวันแรก โดยพล.ร.อ.ณรงค์มอบนโยบายให้ข้าราชการ มีสาระสำคัญว่า จะเน้นปฎิบัติตามนโยบายที่แถลงต่อสนช. ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม 22 นโยบาย กลุ่มแรก เป็นนโยบายทั่วไปมี 5 ข้อ กลุ่มสอง นโยบายเฉพาะมี 7 ข้อ และกลุ่มที่สาม เป็นนโยบายเร่งด่วน มี 10 ข้อต้องเห็นผลภายใน 3 เดือน ทั้งนี้ เป้าหมายหลักเน้นปฎิรูปการศึกษา โครงสร้างหลักสูตร การเรียนการสอน โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาทางไกลถือเป็นเรื่องที่ตนให้สำคัญ จะเร่งขยายให้ครบทุกโรงเรียนในปีนี้ ก่อนวันที่ 5 ธันวาคม เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!