WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

OIL49สหรัฐฯ ขู่คว่ำบาตรอิหร่าน ส่งผลราคาน้ำมันดิบพุ่ง

  + ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อ หลังนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่มีแนวโน้มตึงตัวขึ้น หลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะคว่ำบาตรประทศอิหร่านอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลต่อการส่งออกน้ำมันดิบของประเทศ

  +/- เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ฝรั่งเศสและอังกฤษสั่งยิงขีปนาวุธจำนวน 105 ลูก ไปยังประเทศซีเรียโดยกล่าวอ้างถึงแหล่งผลิตอาวุธเคมีสามแห่งที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดก๊าซพิษที่เมือง Douma ในประเทศซีเรียเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ซึ่งคร่าชีวิตคนไปนับสิบ อย่างไรก็ตาม ความกังวลได้คลายลงไปบ้างหลังสหรัฐฯ สั่งหยุดยิงขีปนาวุธชั่วคราวเพื่อรอดูท่าทีของซีเรีย

  - นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดกำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอาจส่งผลต่อแง่ลบต่อความพยายามลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศโอเปก (OPEC) และนอกโอเปก (Non-OPEC) บางประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาดูการรายงายตัวเลขจากสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) และสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) โดยคาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 650,000 บาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

  ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ค่อนข้างซบเซา ในขณะที่อุปทานในเอเชียเพิ่มจากการส่งออกน้ำมันเบนซินของประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ในเอเชียโดยภาพรวมยังคงอ่อนตัว ในขณะที่อุปทานยังอยู่ในระดับที่มากกว่าอุปสงค์ แม้ว่าอุปทานบางส่วนจะหายไปจากตลาดในช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

 

ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

   ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 69-74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

   ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 64-69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน มี.ค. ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน โดยการปรับลดหลักๆ มาจากการแองโกลา ลิเบีย และเวเนซุเอลา

  EIA คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในปี 2562 จะปรับเพิ่มขึ้น 7.5 แสนบาร์เรลต่อวันจากปีนี้ สู่ระดับเฉลี่ย 11.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ แซงหน้ารัสเซียและซาอุดิอาระเบีย กลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก โดยการปรับเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากปริมาณการน้ำมันดิบจากหินชั้นดินดาน (Shale Oil) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแหล่งการผลิต Permian

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!