- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 12 April 2018 19:00
- Hits: 11192
ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระอุ หนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี
+ ราคาน้ำมันทะยานสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี จากแรงหนุนของความตึงเครียดระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านที่ปะทุขึ้น หลังจากที่กบฏฮูตีในเยเมนยิงขีปนาวุธโจมตีกรุงริยาดของซาอุดิอาระเบีย โดยที่ซาอุดิอาระเบียสามารถยิงสกัดขีปนาวุธลูกหนึ่งที่ถูกยิงเข้ามาสู่กรุงริยาด ทั้งนี้ สงครามกลางเมืองในเยเมนเปรียบเสมือนการทำสงครามตัวแทนระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน ซึ่งอาจสั่นคลอนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปก และส่งผลกระทบต่อความร่วมมือกันของกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันดิบ
+ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซียกลับมาระอุอีกครั้ง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขู่ที่จะที่จะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้รัฐบาลซีเรียที่ถูกกล่าวหาว่าใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนในเมืองดูมา ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มกบฎในเขตกูตาตะวันออกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ในขณะที่รัสเซียตอบโต้ว่าสหรัฐฯ กำลังพยายามใช้ข้ออ้างนี้เพื่อโจมตีชาติพันธมิตรของตนอย่างซีเรีย พร้อมทั้งขู่ว่ารัสเซียพร้อมที่จะยิงขีปนาวุธที่มุ่งเป้าโจมตีซีเรีย
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 6 เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับลดลง สู่ระดับ 428.6 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบ และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับสูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง ปรับเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 36.6 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากอุปทานน้ำมันเบนซินที่ยังคงล้นตลาด ประกอบกับน้ำมันเบนซินคงคลังที่ญี่ปุ่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปที่ยังคงตึงตัวในช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงอุปสงค์จากประเทศจีนที่ยังคงแข็งแกร่ง และปรับตัวมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 69-74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 64-69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน มี.ค. ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน โดยการปรับลดหลักๆ มาจากการแองโกลา ลิเบีย และเวเนซุเอลา
EIA คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในปี 2562 จะปรับเพิ่มขึ้น 7.5 แสนบาร์เรลต่อวันจากปีนี้ สู่ระดับเฉลี่ย 11.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ แซงหน้ารัสเซียและซาอุดิอาระเบีย กลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก โดยการปรับเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากปริมาณการน้ำมันดิบจากหินชั้นดินดาน (Shale Oil) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแหล่งการผลิต Permian