- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 11 April 2018 19:42
- Hits: 18759
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนลดลง
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 3 โดยนักลงทุนเชื่อมั่นว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะสามารถคลี่คลายลง และไม่ส่งกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีน กล่าวในงานพิธีเปิดการประชุม Boao Forum for Asia (BFA) ว่าจีนจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และภาษีนำเข้าสินค้าอื่นๆบางประเภท รวมทั้งเปิดกว้างการเข้าถึงตลาดจีน
+ ความตึงเครียดในตะวันออกกลางส่งผลต่อความกังวลอุปทานน้ำมันดิบ โดยประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศที่จะยกระดับการคว่ำบาตรอิหร่าน หลังจากที่อิหร่านสนับสนุนรัฐบาลซีเรียในการโจมตีประชาชนด้วยอาวุธเคมี
+ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนสนใจในการลงทุนในน้ำมันดิบ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในสกุลเงินสหรัฐฯ จะต่ำลงและดึงดูดนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ มากขึ้น
-/+ ภายหลังจากตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 429.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่าน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลง 189,000 บาร์เรล จากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ที่ดีในอินโดนีเซียช่วยสนับสนุนตลาด อย่างไรก็ดี อุปทานในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับสูง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์จากบังคลาเทศ และอุปสงค์ในช่วงฤดูร้อนอย่างไรก็ดี ตลาดยังคงโดนกดดันจากอุปทานที่อยู่ในระดับสูง
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 65-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐฯ กลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มี.ค. 61 ปรับลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล เมื่อ สู่ระดับ 425.3 ล้านบาร์เรล
ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือนมี.ค. รายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน โดยการปรับลดหลักๆ มาจากการแองโกลา ลิเบีย และเวเนซุเอลา