- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 14 March 2018 23:18
- Hits: 5914
น้ำมันดิบร่วง หลังสหรัฐฯ ผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวลดลง หลังปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 10.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบอันดับที่ 2 ของโลกรองจากรัสเซีย
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า นายไมค์ ปอมเปโอ ผอ.สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ หรือ ซีไอเอ จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแทนนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ที่ถูกปลด ทำให้ตลาดเกิดความกังวลในเสถียรภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ และนโยบายข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านและการเจรจากับผู้นำเกาหลีเหนือ
- สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) ประกาศตัวเลขน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล และน้ำมันดีเซลคงคลังปรับลดลง 4.3 ล้านบาร์เรล โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ อาจปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในจีน อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากอุปทานจากยุโรปที่เข้ามายังตลาดเอเชีย
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันดีเซลเพื่อทำความร้อนยังคงอ่อนตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคายังคงได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ปรับตัวลดลงในช่วงโรงกลั่นปิดซ่อมบำรุง
ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 2 มี.ค. 2560 ปรับเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 425.9 ล้านบาร์เรล
กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย EIA คาดปริมาณการผลิตของสหรัฐฯ ในปี 2561 จะปรับเพิ่มขึ้นราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สู่ระดับเฉลี่ยที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และขยายตัวสู่ระดับ 11.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2562 ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ แซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก
จับตาสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศลิเบีย หลังแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Feel กำลังการผลิตอยู่ที่ 70,000 บาร์เรลต่อวัน ยังคงปิดดำเนินการ แม้ว่าแหล่งข่าวเผยว่าได้มีการเจรจาตกลงที่จะเปิดดำเนินการแหล่งน้ำมันดังกล่าวอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara กำลังการผลิต 340,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งหยุดดำเนินการชั่วคราวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการประท้วงเกี่ยวกับปัญหาทางด้านมลพิษ สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติแล้ว