- Details
- Category: น้ำมัน-แก๊ส
- Published: Monday, 21 June 2021 08:16
- Hits: 8100
ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง หลังอุปสงค์น้ำมันเติบโตต่อเนื่อง จากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลด และการฉีดวัคซีนเพิ่ม
บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 21 มิถุนายน 2564
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 68-73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 70-75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ( 21 – 25 มิ.ย. 64)
ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง หลังความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 16.1% ของประชากรโลก นอกจากนี้ อุปสงค์น้ำมันได้รับแรงหนุนจากตัวเลขผู้ใช้รถใช้ถนนในสหรัฐฯ และหลายประเทศในยุโรปฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มถูกกดดัน จากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่จะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำจนถึงปี 2567
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ราคาน้ำมันดิบมีทิศทางทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทั่วโลกจากรายงานขององค์การอนามัยโลกล่าสุด ณ วันที่ 16 มิ.ย. 64 อยู่ที่ระดับประมาณสามแสนรายซึ่งปรับลดลงมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดที่ระดับประมาณ 8 แสนรายในเดือน เม.ย. - พ.ค. ที่ผ่านมา
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากรายงานของ Bloomberg ณ วันที่ 16 มิ.ย. 64 ระบุว่า มีการฉีดวัคซีนมากกว่า 2.47 พันล้านโดส ใน 180 ประเทศ ซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณเฉลี่ย 35.7 ล้านโดสต่อวัน หรือคิดเป็น 16.1% ของจำนวนประชากรโลกที่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งคาดการณ์ว่าอีก 8 เดือนข้างหน้า ทั่วโลกจะมีผู้ฉีดวัคซีนที่ระดับ 75% ซึ่งจะทำให้ทั่วโลกเข้าสู่ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ หรือสถานการณ์ที่สัดส่วนของประชากรมีภูมิคุ้มกันมากพอจนเชื้อไวรัสไม่สามารถแพร่กระจาย หรือถูกส่งผ่านไปยังคนอื่นๆ ได้
อุปสงค์น้ำมันได้รับแรงหนุนจากตัวเลขผู้ใช้รถใช้ถนนในสหรัฐฯ และหลายประเทศในยุโรปฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง นอกจากนี้องค์การพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกในรายงานประจำเดือน มิ.ย. 64 จะสามารถกลับไปสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดได้ในไตรมาส 4/65 ซึ่งเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในรายงานฉบับก่อนหน้าที่ปี 2566
การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านและ 6 ประเทศมหาอำนาจยังคงไม่มีความคืบหน้า และช้ากว่ากำหนดการเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะบรรลุข้อตกลงให้ได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่านในวันที่ 18 มิ.ย. 64 ส่งผลให้อุปทานจากอิหร่านมีแนวโน้มกลับมาช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงต่อเนื่อง หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มกำลังการผลิตสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 มิ.ย. 64 ปรับตัวลดลง 7.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มสูงขึ้นจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับเพิ่ม 6 แท่น สู่ 365 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มขึ้นสู่ 7.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค. 64 แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.00 – 0.25% จนถึงปี 2565 พร้อมทั้งยังคงมาตรการในการซื้อสินทรัพย์ตามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน นอกจากนี้ เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีสหรัฐฯ ปี 2564 เป็น 7.5% จากระดับเดิมที่ 6.5% อย่างไรก็ตาม เฟดเริ่มมีการส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่จะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปจนถึงปี 2567
เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การตัดสินใจประกาศอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางจีน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตยูโรโซน (PMI) เดือน มิ.ย. 64 และการประชุมคณะมนตรีสหภาพยุโรป
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (14 – 18 มิ.ย. 64)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 0.73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 71.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 0.82 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 73.51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 71.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันจากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก
นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ เพิ่มกำลังการผลิตสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย. 64 ตามคาด แต่เริ่มส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่ได้ส่งสัญญาณในเดือน มี.ค. 64 ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปจนถึงปี 2567
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ