- Details
- Category: ขายตรง
- Published: Sunday, 19 July 2015 18:42
- Hits: 3897
แม็กฯ บ๊ายบายอิมพีเรียลฯยกระดับภาพลักษณ์ขายตรงน้ำดี
แม็กซ์ อินเตอร์ฯ ทุ่มงบก้อนโต ย้ายสำนักงานใหญ่สู่ชายคา CDC หวังยกระดับภาพลักษณ์ ระบุครึ่งปีแรกโกยอดขายกว่า 200 ล้าน สั่งเดินปรับโฉมคลังสินค้าประจำภาค 5 แห่ง พร้อม ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 1,000 ล้านบาท
ดร.ประกาสิต เลิศมุกดา และ ดร.วรวุฒิ บริบูรณ์ธนกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แม็กซ์ อินเตอร์ เน็ตเวิร์ค จำกัด เปิดเผยถึงการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ว่า บริษัทถือเป็นน้องใหม่ในธุรกิจเครือข่าย ซึ่งเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2557 เปิดดำเนินธุรกิจมาปีแรกบริษัทฯ มียอดขาย 308 ล้านบาท และในปีนี้ 6 เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายกว่า 240 ล้านบาท มีสมาชิกกว่า 7 หมื่นรหัส สมาชิกแอ็กทีฟ 10-15% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างดี
ดังนั้น ในปีนี้บริษัทจึงมีแผนที่จะรองรับอัตราการเติบโตของธุรกิจ โดยได้เข้าไปเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ใน CDC เลียบทางด่วนรามอินทรา และได้ลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท ในการตกแต่งเพื่อใช้เป็นสำนักงานแห่งใหม่ของ บริษัท แม็กซ์ อินเตอร์ เน็ตเวิร์ค จำกัด ส่วนสำนักงานเดิมที่อยู่อิมพีเรียลลาดพร้าวก็จะยังคงไว้เพื่อเป็นสถาบันฝึกอบรมสมาชิก เป็นสถานที่จัดอบรมคอร์ดหลักสูตรสัมมนาต่างๆ
สำหรับ เหตุผลหลักที่เลือกใช้สถานที่ของ CDC เป็นสำนักงานแห่งใหม่ เนื่องจากมองถึงสภาวะแวดล้อมที่ดีขึ้นเพราะเชื่อว่าสภาวะแวดล้อมส่งผลต่อความสุขในการทำงาน การยกระดับการทำงานของสมาชิกให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งในสถานที่ของ CDC มีคอมมูนิตี้มอลล์ครบครัน มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ลานจอดรถ การเดินทางที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ดร.ประกาสิต กล่าวว่า การที่เราเลือกย้ายออฟฟิตมาอยู่ที่ CDC ก็เป็นการกรองคนในระดับหนึ่ง บริษัทของเราอยู่ในระดับที่ดี สินค้าของเราอยู่ในเกรดที่ดี สมาชิกของเราก็มีแต่คนที่อยู่ในระดับดีๆ ซึ่งบริษัทของเราอยู่ในอิมพีเรียลลาดพร้าวถือว่าดีในระดับหนึ่ง การย้ายมาที่ CDC ก็เป็นการพัฒนาเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง ซึ่งที่สำนักงานแห่งใหม่บนพื้นที่ CDC จะทำให้การทำงานของสมาชิกสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น
ดร.ประกาสิต กล่าวว่า ส่วนในระยะเวลาอีก 2 เดือนนับจากนี้ ทางบริษัทวางแผนที่จะรีโนเวท สำนักงานภาคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับสำนักงานภาคที่จังหวัดระยอง ขอนแก่น ราชบุรี เชียงใหม่และหาดใหญ่ รวม 5 แห่งให้แล้วเสร็จ โดยทางบริษัทจะมีการปรับโฉมคลังสินค้าในระดับภาคใหม่ทั้งหมด รวมไปถึงการ Renovate เว็บไซต์ให้เป็นเว็บไซต์ 2 ภาษา มีรูปแบบที่สวยงามทันสมัยมากขึ้น ส่วนหลักสูตรการฝึกอบรมใหม่เราก็ยกระดับหลักสูตรใหม่ มีการทำเอกสารและตำราเรียนให้ดีขึ้น ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะผลักดันให้ภาพลักษณ์และยอดขายของบริษัทให้เติบโตอีกหลายเท่าตัว
ในขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ จากเดิมที่มีอยู่กว่า 40 แห่ง โดยรูปแบบของแต่ละสาขาจะเป็นการลงทุนร่วมกัน ให้สมาชิกเป็นผู้เปิดสาขา แล้วบริษัทจะช่วยในเรื่องการตกแต่งบางส่วน พร้อมกันนี้ก็จะมีการยกระดับคลังสินค้าให้มีความเป็นมาตรฐาน มีรูปแบบที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันในธุรกิจเครือข่ายที่มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น และในปี 2558 นี้ บริษัทมีเป้าหมายที่จะสร้างยอดขายให้ได้ 1,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นในช่วงครึ่งปีหลังจึงต้องเร่งสปีดมากขึ้นเพื่อให้ยอดขายแตะเป้าที่ได้ตั้งเอาไว้
โดยรูปแบบการการทำตลาดของบริษัทมีอยู่ 3 ช่องทาง คือ 1.การทำตลาดแบบการสร้างฐานเครือข่ายผู้บริโภคผ่านระบบพัฒนาสมาชิก 2.การทำตลาดแบบใช้ระบบออนไลน์ และ 3.การสร้างเครือข่ายร้านค้า โดยสมาชิกเข้าไปเจาะตามกลุ่มร้านเสริมสวย ซึ่งเป็นฐานร้านค้าที่ค่อนข้างจะแน่น ซึ่งยอดขายของบริษัทไม่ได้ขึ้นอยู่ที่แม่ทีมคนใดคนหนึ่ง การที่บริษัทอยู่ได้และเติบโตมาทุกวันนี้มีองค์ประกอบสำคัญคือ ฐานของสินค้าที่ค่อนข้างแน่น โดยสินค้าตอบโจทย์สมาชิกได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าสินค้าไม่สามารถตอบโจทย์ได้ก็จะไม่มีการซื้อซ้ำ ซึ่งถ้าไม่มีการซื้อซ้ำองค์การก็ไม่เสถียร ถ้าองค์กรไม่เสถียรก็ไม่สามารถเกษียรได้ เพราะฉะนั้นเรื่องของสินค้าคือสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก
"สินค้าของบริษัทปัจจุบันมี 30 กว่ารายการ มีอยู่ 5 กลุ่มหลักๆ คือ 1.แม็กซ์ บิวตี้ 2.แม็กเฮลท์ตี้ 3.แม็กเฟรชชี่ 4.แม็กตี้โฮม และ 5.บอดี้แม็กซ์ ซึ่งค่อนข้างที่จะครอบคลุม และในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ บริษัทจะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก โดยจะปิดผับ ออนิกซ์ ผับ RCA รัชดา เพื่อฉลองเปิดตัวสินค้าใหม่ และเป็นการจัดงานเคลื่อนคนในหนึ่งเดือนจะมีการจัดหนึ่งครั้ง ในเดือนกรกฎาคมนี้ก็เป็นเดือนของการยกระดับความสุขของสมาชิก ถือเป็นเดือนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรเลยทีเดียว" ดร.ประกาสิต กล่าว
ดร.ประกาสิต กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจขายตรงในปีนี้ว่า ภาพรวมของธุรกิจขายตรงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ในขณะเดียวกันต้องยอมรับว่ากระแสมันนี่เกมมีการปราบปรามอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้เป็นผลดีในภาพรวมของวงการขายตรง เพราะก่อนหน้านี้มันมีธุรกิจเกี่ยวกับการระดมทุน อะไรต่างๆ เหล่านี้ผลตอบแทนค่อนข้างที่จะล่อใจทำให้นักธุรกิจหลงไปในทางที่ผิดเพราะคิดว่าจะได้ผลตอบแทนที่สูง ซึ่งก็เป็นการไปหลอกลวงชาวบ้านมาลงทุนเป็นหนี้เป็นสินเป็นปัญหากันมาตลอด เมื่อธุรกิจเกี่ยวกับการระดมทุน "แชร์ลูกโซ่" โดนปราบปรามผู้คนก็หันกลับมาทำธุรกิจที่ถูกต้องมากขึ้น ซึ่งก็เป็นผลดีทำให้ภาพรวมของธุรกิจในวงการขายตรงสามารถที่จะแข่งขันกันได้มากขึ้น
ในขณะเดียวกันธุรกิจขายตรงในช่วงนี้มีบริษัทเปิดใหม่เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ถ้าใครไม่ใช่ตัวจริงเปิดแล้วก็อยู่ได้ไม่ยาว โดยคำว่า "ไม่ใช่ตัวจริง" หมายถึงผู้ประกอบการที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจอย่างแท้จริง และบริษัทมีทุนน้อย ถ้าคิดจะเปิดขายตรงเปิดได้แต่เปิดยาวนั้นส่วนมากอยู่กันยาก โดยสภาวะทั่วไปในตลาดผู้บริโภคกำลังซื้อมันหด ฉะนั้นบริษัทไหนที่ไม่ใช่ตัวจริงจะอยู่ยาก โดยเฉพาะเรื่องของสินค้าต้องเห็นผลสามารถตอบโจทย์ให้สมาชิกและผู้บริโภคได้ รวมถึงระบบต้องแน่นจริงการพัฒนาฝึกอบรมคนต้องชัดเจนจริงจึงจะบริหารธุรกิจขายตรงให้อยู่รอดได้
บ้านเมือง : สุภพงษ์ เทียนสี/รายงาน