- Details
- Category: ขายตรง
- Published: Saturday, 04 July 2015 23:29
- Hits: 5578
ขายตรงฉีกกลยุทธ์สู้ ศก.ซึม มั่นใจเกินร้อนรายได้สิ้นปีพันล้าน
บ้านเมือง : สุภพงษ์ เทียนสี/รายงาน
สภาวะเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับตัวแปรสำคัญต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตต่างๆ การนำเข้า ส่งออก รวมถึงการจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศด้วย ในปัจจุบันนี้ถือว่าประเทศกำลังประสบปัญหา เนื่องจากผู้คนไม่ค่อยจับจ่ายเท่าใดนัก โดยเฉพาะในธุรกิจขายตรงที่ต่างค่ายต่างพยามออกกลยุทธ์ฉีกหนีคู่แข่ง เพื่อให้ถึงเป้าหมายตามที่ตนเองได้ตั้งไว้แต่ตอนต้นปี ทั้งนี้ขอหยิบยกบริษัทขายตรงที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าสิ้นปี 2558 จะต้องมียอดขาย 1,000 ล้านบาท
เริ่มต้นที่ บริษัท แม็กซ์ อินเตอร์ เน็ตเวิร์ค จำกัด โดยมี ดร.ประกาสิต เลิศมุกดา และ "ดร.วรวุฒิ บริบูรณ์ธนกิจ ประธานกรรมการบริหาร ซึ่งได้ฝากผลงานของ "แม็กซ์ฯ" ในปี 2557 ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะเป็นบริษัทที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 308 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ในปี 2558 "แม็กซ์ฯ" มีระบบ 'MAXX POWER' ถือเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนองค์กรของบริษัท โดยได้วางไว้ว่าเป็นปีแห่งการฝึกอบรม ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญคือ 1.MAXX MOVE งานเคลื่อนคน มีทั้งงานเคลื่อนคนทั้งเป็นรายเดือน ราย 4 เดือนที่บริษัทจะมีการจัดงานอย่างต่อเนื่อง 2.MAXX TOOL จะมีการเปิดตัวเครื่องมือในการสนับสนุนการทำธุรกิจ ได้พัฒนาเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพออกมามากมายหลายอย่าง ทำให้สมาชิกทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น 3.MAXX TRAIN ไฮไลท์สำคัญในส่วนนี้คือการเปิดตัว สถาบัน MAXX ACADEMY ซึ่งจะมีการพูดถึงโครงสร้างหลักสูตรต่างๆ มีการพูดถึงโค้ชประจำการฝึกอบรม ที่จะทำหน้าที่พัฒนาศักยภาพของสมาชิก
สำหรับ เป้าหมายในปี 2558 วางไว้ที่ 600 ล้านบาท และขยับเป้าหมายยอดขายใหม่ไปอยู่ที่ยอดขาย 1,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการพัฒนาระบบต่างๆ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ดร.ปพน ลิ้มธำรงกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิงส์เฮิร์บ เวิลด์ 1999 จำกัด กล่าวว่า ในปี 2558 เป็นปีที่ 11 ของบริษัท โดยปี 2557 ที่ผ่านมาได้ปิดยอดไปที่ 700 ล้านบาท ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ และสำหรับกลยุทธ์ "คิงส์เฮิร์บ" ได้วางในไตรมาสที่ 2 โดยจะเน้นการอบรมไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งได้มีคอร์สอบรมเกือบ 20 คอร์ส อาจจะจัด 1 เดือนมีการอบรมสัก 1-2 ครั้ง เพราะว่าการอบรมถือเป็นสิ่งสำคัญกับธุรกิจขายตรง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนทัศนคติของสมาชิกให้มีความรักในองค์กร รักในผลิตภัณฑ์ และจะมีการ OPP ของไปยังจังหวัดต่างๆ พร้อมกับนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพกับประชาชน คาดว่าจะแตะยอด 1,000 ล้านแน่นอน
ส่วนนางเพ็ญทิพย์ โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซล คอร์ปอร์เรชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (SOL) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาสามารถปิดยอดขายไปประมาณ 2,300 ล้าน ในภาพรวมในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของธุรกิจ แต่บริษัทฯ มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างธุรกิจเครือข่ายควบคู่ไปกับการสร้างคุณธรรมในการทำงาน และรับผิดชอบต่อสังคมมาโดยตลอด
สำหรับ กลยุทธ์ครึ่งปีหลัง "โซล" ได้วางรากฐานเพื่อสู่ยอด 1,000 ล้าน ซึ่งคาดว่าสมาชิกจะมีรายได้หลักล้านไม่ต่ำว่า 10 คน ซึ่งขณะนี้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาในธุรกิจโซลมากขึ้น โดยบางคนยังไม่เคยทำเครือข่ายมาก่อน แต่ได้มองโซลเป็นเครื่องมือที่จะสร้างความมั่นคงและยั่งยืน
ขณะที่นายอภิชา สุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร้อยเท่าพันทวี จำกัด กล่าวว่า ผลประกอบการในปีที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับบริษัทธุรกิจเครือข่ายน้องใหม่ที่สามารถทำยอดขายได้ถึง 320 ล้านบาท โดยภาพรวมการเติบโตส่วนมากอยู่ภายในประเทศ และต่างประเทศประมาณ 10% ของยอดขายรวมทั้งหมด
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดยังคงทรุดๆ และเมื่อเข้าสู่ไตรมาส 2 ยอดขายเริ่มขยับ เนื่องจากปัญหาการเศรษฐกิจ เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น บริษัทฯ คาดว่าในไตรมาส 3 น่าจะเป็นไปตามที่วางไว้อย่างชัดเจน
"ในครึ่งปีหลังนี้เราต้องการที่จะรุกตลาดต่างประเทศใหม่ขึ้น เนื่องจากในต่างประเทศมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปเราจะโฟกัสไปประเทศกัมพูชา โดยได้จัดตั้งสำนักงาน เพื่อเตรียมเข้าสู่เวียดนามในนามร้อยเท่ากัมพูชา ส่วนผู้บริหารท่านอื่นก็จะโฟกัสไปที่พม่า ซึ่งได้จัดตั้งสำนักงานด้วยเช่นกัน จากการที่ไปสำรวจตลาดแล้ว ผมเชื่อว่าสินค้าร้อยเท่าเป็นที่ต้องการอย่างชัดเจน สินค้าทุกตัวขายดีหมดไม่มีตัวไหนที่เด่นเลย ซึ่งมีการซื้อซ้ำข้างสูงมาก"
ด้าน ดร.กัมปนาท บุญราศี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด กล่าวว่า การเริ่มต้นที่ก่อตั้งบริษัทฯ ขึ้นมา เนื่องจากต้องการทำตามความฝันที่ต้องการเห็นบริษัทขายตรงที่เป็นสีขาว และมีองค์ประกอบที่เพียบพร้อม ภายใต้การดำเนินธุรกิจโดยเป็นขายตรงของคนไทย
สำหรับ ในการดำเนินธุรกิจปี 2558 ถือเป็นปีแห่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Year of Massive Growth) ซึ่งนอกจากการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งแล้ว ยังเน้นการสร้างคนที่ถูกต้อง เพื่อรองรับการเติบโตไปย่างรวดเร็วในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และกำลังทะยานสู่ AEC
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดกลยุทธ์ 5 ประการ เพื่อเป็นปีแห่งการก้าวกระโดด ได้แก่ 1.การสร้างแบรนด์ที่มีความแตกต่าง มั่นคงและปลดภัย โดยเน้นการสร้างแบรนด์สีขาวและทำให้ไอยรา แพลนเน็ตมีภาพลักษณ์ที่ดีตลอดระยะเวลา 3 ปี ผ่านการทำงานของนักธุรกิจอิสระที่นำเสนอโอกาสในการมีสุขภาพที่ดีด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีมีงานวิจัย ไม่นำเสนอแผนการตลาดที่เกินจริง สร้างนักธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างมั่นคง ปลอดภัย 2.การสร้างฐานการตลาด เป็นการขยายฐานการตลาดให้กว้างมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้มีโอกาสมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาไอยราได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ชื่อว่าเอมมูร่า อี เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ Gen Y และเป็นตลาดใหม่ที่มีฐานกว้างขึ้น เนื่องจากปีที่ผ่านมาปิดยอดไปที่ 450 ล้าน และปีนี้จะต้องทะยานสู่ 1,000 ล้านบาทให้จงได้
ส่วนนายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร กรรมการผู้จัดการ และ น.พ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานผู้ก่อตั้ง บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีก้าวสู่ปีที่ 3 ได้การประกอบธุรกิจ โดยปีที่ผ่านมาปิดยอดไปที่ 320 ล้านบาท และได้ตั้งเป้าไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เนื่องจาก "ซัคเซสมอร์" มีเจตนาที่จะทำธุรกิจระยะยาว เน้นพัฒนาในสินค้าที่หลากหลายและมีคุณภาพ รวมทั้งการสร้างองค์กรและแบรนด์ที่จะช่วยเหลือผู้คนแบบต่อเนื่องตลอดมา
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางตัวเป็นบริษัทที่ทำ CSV (corporate social value) ซึ่งเป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าให้กับสังคม คุณค่าในที่นี้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตคนให้ดีขึ้นให้เก่งขึ้น สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้คนที่ไม่สามารถดูแลครอบครัวให้กลายเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและสามารถดูแลครอบครัวได้