- Details
- Category: ขายตรง
- Published: Sunday, 24 May 2015 22:05
- Hits: 2422
คังเซนฯ เร่งปูพรมเปิดสาขาประกาศเสียงดังเป้าต้องโต 10%
บ้านเมือง : สุภพงษ์ เทียนสี/รายงาน
'คังเซน-เคนโก อินโดนีเซีย'สุดปลื้มผลงานชิ้นโบแดงโกยยอดขาย 1.2 พันล้าน ประการศวางเป้าการเติบโตปีนี้อย่างน้อย 10% รุกสร้างสาขาครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 50 สาขา นักธุรกิจหน้าใหม่กว่า 50% มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ปรับเปลี่ยนระบบฝึกอบรมเน้นการทำงานเป็นทีม
นายอิทธิศักดิ์ อำพันยุทธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท คังเซน- เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดงานเฉลิมฉลองความสำเร็จและประดับเข้มนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในสาขาอินโดนีเซียที่เปิดมาแล้วกว่า 16 ปี พร้อมทั้งมองการเติบโตตลาดธุรกิจเครือข่ายในปีนี้อย่างน้อยต้องโต 10% และตั้งเป้าเติบโต 10% ในทุกประเทศที่บริษัทได้เข้าไปเปิดดำเนินธุรกิจธุรกิจโดยในปีที่ผ่านมาสาขาอินโดนีเซีย มีรายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท
"การทำงานตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าการทำงานของบริษัทค่อนข้างที่จะยากลำบาก เนื่องจากมีธุรกิจที่เข้าข่ายระดมทุนออกมาในหลายรูปแบบ จนทำให้หลายๆ บริษัทต้องหาทางแก้ไขปัญหาในส่วนนี้โดยเฉาะในปีนี้ตลาดเครือข่ายมีการแข่งขันกันรุนแรงมากในรอบหลายๆ ปี ในการมองตัวเลขนั้นเรามองจากความเป็นจริง ในเรื่องของเศรษฐกิจ เราอิงจากการเติบโตขององค์กรเรา ซึ่งเราก็จะพยายามปรับปรุงตัวเองให้ได้มากที่สุดตลาดที่อินโดนีเซียที่เปิดอย่างเต็มตัวมา 16 ปี ก็ถือว่ายังคงมีการเติบโตขึ้นทุกปี เพราะบริษัทมีกลุ่มผู้บริหารที่เข้มแข็งและสมาชิกที่ร่วมบุกเบิกมาด้วยกันที่ช่วยกันทำงานกันอย่างหนัก ทำให้การเจริญเติบโตของที่อินโดนีเซียค่อนข้างไปได้ดีในระดับหนึ่ง"
ดังนั้น เมื่อพูดถึงอุตสาหกรรมการขายตรงที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งตลาดขายตรงนั้นมีการแข่งขันกันเยอะมาก และพยายามที่จะป้องกันควบคุมเกี่ยวกับธุรกิจที่เป็นแชร์ลูกโซ่ ทางอินโดนีเซียก็มีสมาคมขายตรงของทางอินโดนีเซียที่ทำงานร่วมกับทางภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ในการที่จะช่วยกันหาทางป้องกันอยู่ และหนึ่งในคณะกรรมการสมาคมขายตรงก็เป็นผู้จัดการที่ของคังเซน-เคนโกอินโดนีเซีย และยังเป็นที่ปรึกษาของทางภาครัฐในส่วนของการแนะนำกฎหมายต่างๆ อีกด้วย สำหรับกำลังซื้อตัวหัวนั้นถือว่าไม่มากแต่ด้วยอินโดนีเซียมีจำนวนประชากรที่มากและคนอินโดนีเซียส่วนใหญ่เลือกที่จะทำธุรกิจขายตรงเพื่อเป็นรายได้เสริม ทำให้บริษัทมีการเติบโตและขยายสาขา 50 สาขาครอบคลุกทุกพื้นที่ของประเทศ
สำหรับ การลงทุนเปิดสาขาใหม่นั้น บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศอินเดีย ปากีสถาน และฟิลิปปินส์ โดยบริษัทไม่ได้ขายลิขสิทธิ์ของบริษัทแต่ด้วยนโยบายหลักของบริษัทที่ต้องหาพาร์ตเนอร์ในการไปร่วมลงทุนธุรกิจ เพราะฉะนั้นบริษัทจึงต้องใช้เวลาในการเริ่มต้นโดยไม่เน้นการขาย แฟรนไชส์แต่เน้นที่จะลงทุนเองและต้องเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ซึ่งปัจจุบันนี้คังเซน-เคนโกมีสาขาอยู่ในประเทศลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย รวมทั้งหมด 5 ประเทศ ซึ่งการที่จะเปิดในแต่ละประเทศนั้น บริษัทจะต้องดูปัจจัยรวมของการตลาดประเทศนั้นๆ ว่าสินค้าประเภทไหน ราคาประมาณไหน ที่จะสามารถที่จะไปลงตลาดตรงนั้นได้บ้าง
นอกจากนี้'คังเซน-เคนโก' ได้มีการปรับปรุงระบบการจัดการกันภายใน หลังจากที่ปีที่แล้วบริษัทได้ทำการ refreshing brand ทำให้ภาพรวมของบริษัทดีขึ้นในมุมมองของกลุ่มคนที่เข้ามาธุรกิจก็มีอายุน้อยลง กลุ่มคนที่เข้ามามากกว่า 50% คือช่วงอายุประมาณ 20-30 ปี และอีก 30% ก็เป็นช่วงอายุ 30-40 ปี พร้อมทั้งมีการปรับปรุงระบบการอบรมใหม่ ที่ได้รับความร่วมมือจากผู้นำในการทำงานกันเป็นทีม ในการอบรมแต่ละครั้งเรามีสมาชิกที่เข้าร่วมอบรมมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นมากกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา
สำหรับ ในปีนี้จะสามารถจะเติบโตได้เพียง 3-5% น้อยที่สุดในรอบ 3 ปี ดังนั้นแผนธุรกิจจากนี้ต้องปรับปรุงแผนให้ทันตามสื่อและพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่สนใจช่องทางการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์เป็นจำนวนมาก 'คังเซน' จึงได้เพิ่มช่องทางดังกล่าวในการทำตลาดเพื่อขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่ 10% จากฐานลูกค้าทั้งหมด
'คังเซน-เคนโก'ยังคงเน้นการดำเนินธุรกิจเชิงรุกด้วยกลยุทธ์สร้างแบรนด์และต่อยอดขยายฐานผู้บริโภค มีการปรับโครงสร้างในทุกมิติ รวมทั้งขยายฐานสมาชิก โดยปัจจุบันบริษัทมีสมาชิกกว่า 5 แสน ราย ขณะเดียวกันมีแผนขยายสาขาในแบบที่เรียกว่า 'คังเซน แกลเลอรี่' เพื่อเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าเพิ่มให้มากขึ้นในศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์เพิ่มเติม และจะเปิดตลาดใหม่ที่อินเดียและเนปาลเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันต้องบอกว่าธุรกิจขายตรงมีมูลค่ารวมกว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเพียง 3-5% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชะลอตัว ช่วงปลายปี 2557 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและยอดรายได้ของผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงหลายรายลดต่ำลง แม้แนวโน้มจะมีการเติบโตที่ลดลงบ้าง แต่ในครึ่งปีหลังของปี 2558 เชื่อว่าธุรกิจในกลุ่มขายตรงจะกลับมาเติบโตได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเร็วๆ นี้ แน่นอน