- Details
- Category: ขายตรง
- Published: Friday, 13 June 2014 22:56
- Hits: 4840
เอเชียติคฯ รับเทรนด์อาหารสุขภาพ ส่ง 3 แบรนด์ลงตลาดปักธง 5 ปีครองใจตลาดโลก
บ้านเมือง : เอเชียติคฯ รับเทรนด์อาหารสุขภาพ ส่ง 3 แบรนด์ลงตลาดเล็งเจาะแหล่งวัตถุดิบเพิ่มในประเทศโซน AEC ตั้งเป้าปี 57 เติบโต 10-15% มั่นใจ 5 ปีครองตลาดสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพในตลาดโลก
นายณัฐพล วิสุทธิไกรสีห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท บริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด เผยยอดลงทุนทำการตลาด 3 แบรนด์ กะทิอัมพวา, นมมะพร้าว Milky COCO และน้ำมะพร้าวพร้อมดื่ม COCOMAX ที่หันมาโฟกัสตลาดในประเทศปี 2557 หลังประสบความสำเร็จจากทั้งหมด 6 แบรนด์ที่ส่งออกสู่ตลาดโลก โดยระบุปริมาณวัตถุดิบยังเป็นปัจจัยหลักที่มีผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำมะพร้าวสดแท้ทุกขวดส่งให้เกิดแผนรองรับ โดยเล็งเจาะแหล่งวัตถุดิบเพิ่มในประเทศโซน AEC คาดการณ์ในระยะ 5 ปียังคงเป็นสินค้าที่มียอดเติบโตสูง เพราะเทรนด์โลกตอบรับเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ และผิวพรรณความงามตั้งเป้าในประเทศปี 57 เติบโต 10-15% ควบคู่กับการกำหนดทิศสร้างแบรนด์ และเร่งให้ความรู้คุณประโยชน์ของมะพร้าวไทย
ในฐานะผู้ผลิตกะทิ และน้ำมะพร้าวส่งออกรายใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ กะทิอัมพวา, นมมะพร้าว MILKY COCO และน้ำมะพร้าวแท้ 100% พร้อมดื่ม COCOMAX ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับนานาชาติ ทั้ง HACCP, BRC, IFS และ ISO มองว่าสินค้าจากมะพร้าวไทยมีโอกาสสูงในตลาดทั่วโลก และได้นำผลิตภัณฑ์คุณภาพส่งออกกลับสู่ ผู้บริโภคในประเทศ
ด้วยกระแสความนิยมเรื่องของการดูแลสุขภาพทั่วโลกมาแรง สำหรับเอเชียติคที่อยู่ในธุรกิจนี้มานาน และได้รับการตอบรับจากคู่ค้ากว่า 74 ประเทศในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราทราบข้อมูลที่เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด และผู้บริโภคในหลากหลายภูมิภาคจนวันนี้เราสามารถกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเทรนด์ความนิยมได้ค่อนข้างตรงจุด โดยทั่วโลกชื่นชอบผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวไทยมาก โดยมองว่าอาหารและเครื่องดื่มจากมะพร้าวเป็นแหล่งคุณประโยชน์ที่สมบูรณ์เหมาะกับการบำรุงสุขภาพ
"ยกตัวอย่างน้ำมะพร้าวแท้ 100% พร้อมดื่ม COCOMAX นี่ได้รับการตอบรับอย่างมากจากทุกประเทศที่ส่งไปวางจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ รัสเซีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ ทั้งที่เพิ่งเข้าตลาดได้ไม่นาน โดยเฉพาะญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดที่รับรู้ในหมู่ผู้ส่งออกว่ามีมาตรฐานสูงและเข้มงวดเรื่องกฎระเบียบในการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาก แต่น้ำมะพร้าว COCOMAX ก็สามารถเทียบเท่ามาตรฐาน และได้เข้าไปวางตลาดทัดเทียมกับสินค้าในประเทศได้ ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาด ดังนั้นเมื่อตลาดโลกหันมานิยมสิ่งที่เรามีพร้อม และเพียงเรารักษามาตรฐานการผลิต ควบคุมคุณภาพสูงได้อย่างที่เป็นจุดแข็งของเราอย่างทุกวันนี้ได้ ผมคิดว่าเรายังได้รับความเชื่อถือ และเติบโตได้อีกมากอย่างน้อยๆ ก็ 5 ปีนี้ไป เราจะยังครองพื้นที่ของสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพในตลาดโลกได้"
ที่ผ่านมาแนวทางการตลาดและจุดเน้นในการทำธุรกิจของเราชัดเจนมาตลอด เราโฟกัสที่ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวบรรจุขวดและกล่อง โดยอาศัยองค์ความรู้ในการผลิตตามความเชี่ยวชาญของเราโดยมีโรงงานอยู่ที่อัมพวา ซึ่งนอกเหนือจากที่เป็นหนึ่งในบริษัทไทยที่ได้รับความเชื่อถือในตลาดโลกแล้ว ในปีนี้ความตั้งใจคือนำสินค้าที่มีคุณภาพในระดับส่งออกกลับมาให้ผู้บริโภคไทยได้รับประทานของดีที่คนไทยผลิต ใช้ยอดลงทุนสร้างแบรนด์ และทำตลาดในประเทศทั้ง 3 แบรนด์ในปีแรกนี้ 50 ล้านบาท เน้นที่น้ำมะพร้าวแท้100% COCOMAX ที่ตั้งเป้าตลาดในประเทศปีแรกนี้ไว้ที่ 2.5 ล้านขวด และอีก 5 ล้านขวดสำหรับตลาดส่งออก
ซึ่งสำหรับตลาดในประเทศจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% ในปีหน้า ด้านการตลาดเราจะเพิ่มเรื่องการสร้างแบรนด์ และให้ความรู้เรื่องคุณประโยชน์ของน้ำมะพร้าว ยิ่งเป็นน้ำมะพร้าวสดที่ไม่ได้เจือจางจากหัวเชื้อ และไม่ใส่น้ำตาลด้วยแล้วคุณค่าอาหารยิ่งครบครัน ส่วนกะทิอัมพวาที่จะวางปีนี้จะเน้นที่การขยายจุดจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่หลักตามแผนตลาดที่วางไว้ และต้องโตขึ้นอย่างน้อย 1% ของตลาดกะทิสำเร็จรูปซึ่งเน้นจุดขายที่คุณภาพสินค้าเป็นหลัก และนมมะพร้าว MILKY COCO เน้นจำหน่ายที่ร้านสุขภาพทั่วกรุงเทพฯ 300,000 ขวดและได้มีการปรับบรรจุภัณฑ์มาเป็นขวด PET เช่นเดียวกับของ COCOMAX โดยทิศทางทำการตลาดจะเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรักสุขภาพเป็นหลัก ซึ่งทั้งหมดนี้ตั้งเป้าสำหรับตลาดในประเทศปีนี้น่าจะเติบโตได้ 10-15%
"ยอมรับว่า ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจจะส่งผลกระทบบ้างนั่นคือ เรื่องของวัตถุดิบมะพร้าวที่ในอนาคตอาจเกิดการขาดแคลนบ้าง เพราะเราใช้น้ำมะพร้าวแท้อย่างเดียว ต้องคัดสรรเพิ่มเติมจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในเรื่องนี้ผมมองว่าการเปิด AEC นอกจากจะดีในต่อเราในเรื่องของโอกาสสำหรับตลาดใหม่แล้ว ยังจะส่งผลให้เกิดการไหลเวียนเข้าออกของวัตถุดิบมากขึ้น เพราะประเทศที่มีมะพร้าวมากที่สุดในโลกทั้งอันดับ 1 และ 2 คืออินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ก็เพื่อนบ้านเรานี่เอง แต่อย่างไรก็ตามคงต้องพูดคุยกันอีกมากเนื่องจากความแตกต่างด้านนโยบาย ประกอบกับความกังวลด้านการระบาดของโรคพืชต่างๆ ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผล กระทบก็คือ เรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนและความเปลี่ยนแปลงค่านิยมผู้บริโภค แต่โดยรวมคิดว่าปัจจัยเหล่านี้ไม่น่ามีแรงกระเพื่อมมากนักเพราะทิศทางตลาดอาหารสุขภาพยังเติบโตได้สูงอยู่ในระยะ 5 ปีข้างหน้านี้"
ในโอกาสที่บริษัทได้มีความคุ้นเคยและผูกพัน อยู่กับแหล่งผลิตมะพร้าวไทยที่ดีที่สุดของประเทศอย่างอัมพวามากว่า 20 ปี ได้เห็นวิถีความเป็นมาและความฉลาดรอบรู้ของคนไทยแต่ดั้งเดิม จึงอยากแบ่งปันถ่ายทอดให้สังคมได้เห็นความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น และมรดกธรรมชาติบนผืนดินอัมพวา ผ่านการจัดกิจกรรมมอบรางวัล "หัวกะทิอัมพวา" ครั้งที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายนนี้