- Details
- Category: ขายตรง
- Published: Thursday, 16 April 2015 22:45
- Hits: 2934
12 ปมร้อนดับฝันมันนี่เกม 'ยูฟัน'
บ้านเมือง : ช่วงตี 4 ของวันที่ 10 เมษายน 2558 เจ้าหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.ท. สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ ปคบ. นอกจากนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ง. โดย พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ป.ป.ง. และเจ้าหน้าที่จาก สคบ. ที่นำโดย ‘อำพล วงศ์ศิริ’ เดินทางมายังจุดนัดหมาย ณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อรวมตัวเข้าจับกุม บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ตอนรุ่งสาง
ช่วงตี 5 มีการร่วมหารือลับเพื่อวางแผนการจับกุมตามจุดสำคัญๆ ของเป้าหมายมากกว่า 8 จุด โดย
ได้เคลื่อนย้ายกำลังพลออกจากศูนย์ราชการในช่วง 6 โมงเช้า พร้อมขอความร่วมมือมายังสื่อมวลชนให้ช่วยปกปิดข่าวเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะถึงช่วง 10 โมงเช้าของวันเดียวกัน
ปฏิบัติการ'ปิดตำนาน มันนี่เกม กระฉ่อนโลก'จึงเริ่มขึ้น จนเป็นข่าวทางหน้าจอทีวี หนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ มาจนถึงวันนี้
ทั้งนี้'ยูฟัน สโตร์'มีการประกอบกิจการด้วยการออกสกุลเงินที่เรียกว่า 'ยูโทเกน'โดยใช้แทนเงินจริง
ในรูปแบบดิจิตอลสำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราทางออนไลน์ พร้อมอ้างว่า มีตลาดกลางขายสินค้าให้ผู้ซื้อและผู้ขายติดต่อขายกันเอง ซึ่งต้องชำระค่าสินค้าด้วย "ยูโทเกน" กับทุกร้านค้าที่รองรับ หรือคล้ายๆ กับรูปแบบธุรกิจการลงทุนผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆ ที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน
นอกจากนั้น'ยูฟัน'ยังใช้แผนการจ่ายผลตอบแทนแบบขายตรงเป็นตัวดึงดูดคนเข้าสู่ระบบ โดยนำเสนอให้คนเข้ามาลงทุนผ่านระบบแผนการจ่ายผลตอบแทนจากต่ำสุดต้องสมัครสมาชิก 17,000 บาท ไปจนถึง หลักล้านบาท จะสามารถรับผลตอบแทนได้มาก หรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุนตามตำแหน่ง
ที่บริษัทตั้งไว้ พร้อมมีค่าแนะนำตั้งแต่ 7-12% พร้อมสะสม Point เพื่อสะสมไว้ทำกำไร และ Point เพื่อแลกซื้อสินค้า ใครลงมาก ได้มาก ก่อนที่จะตบท้ายด้วยตัวล่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา'ยูโทเกน'สกุลเงินอุปโลกน์ ที่ไม่เคยมีใครรู้ว่าจะได้เงินกลับมาจริงๆ หรือไม่
ซึ่งลักษณะการทำธุรกิจของบริษัทแห่งนี้เข้าข่าย'มันนี่เกม'หรือ'แชร์ลูกโซ่'ตามข้อกล่าวหาหลังจากการจับกุม ซึ่งข้อมูลนับจากนี้อาจเป็นที่มา ที่ไป ถึงสาเหตุหลักของการปิดตำนาน'มันนี่เกม'กระฉ่อนโลก อย่าง'ยูฟัน สโตร์'ในประเทศไทย หลังจากการใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์บัญชาการของ'ยูฟัน สโตร์'เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์จากฝ่ายบริหารของบริษัทแห่งนี้
เปิดเบื้องลึกการขอ สคบ.
ความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นมาตั้งแต่วิธีการขอใบอนุญาต สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ของ "ยูฟัน สโตร์" เนื่องจากมีการขอใบอนุญาตด้วยวิธีการพิเศษ และอยู่ในช่วงการผลัดเปลี่ยนตัวของ เลขาฯ สคบ.จาก "จิระชัย มูลทองโร่ย" เป็น "อำพล วงศ์ศิริ" โดยการทำเรื่องขอใบอนุญาตเกิดมาจากการวิ่งเต้นของนายพลรายหนึ่ง ที่สนิทสนมกับอดีตเลขาฯ สคบ. คนก่อนหน้า แต่ได้รับใบอนุญาตในสมัยนายทะเบียนคนใหม่อย่าง "อำพล วงศ์ศิริ" ที่เพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ๆ ที่สุดท้ายเซ็นใบอนุญาตให้ "ยูฟัน สโตร์" ในที่สุด เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นอีกใบอนุญาตที่ได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ การออกใบอนุญาตของ 'อำพล วงศ์ศิริ'เป็นการออกใบอนุญาตที่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นการยื่นขอจดแจ้งแผนการจ่ายผลตอบแทน ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการใน สคบ. เรียบร้อย และมีการขอยื่นจดแจ้งสินค้าที่จะนำมาจำหน่ายอย่างถูกต้อง แต่เมื่อผ่านไปซักระยะ'ยูฟัน'กลับไม่ทำตามแผนที่ยื่นขอใบอนุญาตไว้กับ สคบ. ในทุกๆ ประเด็น
ผิดกฎหมายขายตรงชัดเจน
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2558 สคบ. โดย'อำพล วงศ์ศิริ'เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ลงดาบเพิกถอนใบอนุญาต สคบ. ด้วยเหตุดำเนินธุรกิจไม่ตรงกับการขออนุญาตจาก สคบ. และมีการกระทำที่เข้าข่าย’แชร์ลูกโซ่’ โดยให้น้ำหนักที่ 2 ประเด็นหลัก คือ ใช้แผนจ่ายผลตอบแทนไม่ตรงกับที่ขอยื่นจดแจ้งไว้ ไม่มีการจำหน่ายสินค้าที่ยื่นจดแจ้งไว้ มีการตั้งราคาค่าสมัครที่สูงเกิน พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 ซึ่งกำหนดค่าสมัครสมาชิกไว้ที่ไม่เกิน 500-600 บาทต่อรหัสสมาชิก แต่ ‘ยูฟัน’ตั้งค่าสมัครไว้สูงลิ่ว 17,000 บาทต่อรหัสสมาชิก ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิด พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรงฯ ชัดเจน
เหิมเกริมเรียกชี้แจงไม่ร่วมมือ
ทั้งนี้ ก่อนหน้าทางหน่วยงาน สคบ. เคยเรียกทีมผู้บริหาร'ยูฟัน' เข้ามาชี้แจง เพื่อตอบข้อโต้แย้งที่ทาง สคบ. ตั้งข้อสังเกตการกระทำที่ผิดกฎหมายของบริษัทแห่งนี้ อาทิ เหตุใดจึงไม่ใช้แผนจ่ายผลตอบแทนให้ตรงกับที่ขอยื่นจดแจ้งไว้กับ สคบ. หรือเหตุใดที่ไม่จำหน่ายสินค้าที่จดแจ้งไว้กับ สคบ. พร้อมประเด็นสงสัยอื่นๆ อีกมากมาย โดยทาง สคบ. ได้ออกจดหมายเชิญเข้ามาชี้แจงถึง 3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากบริษัทแห่งนี้ พร้อมประกาศตัวเองว่า ไม่ใช่ธุรกิจขายตรง แต่ก็ยังใช้แผนการตลาดแบบขายตรง ทำเอาวงการขายตรง งง! เป็นไก่ตาแตก ตามๆ กัน
ออกประกาศเตือนภัยธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมาทั้งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือแม้แต่แบงก์ชาติออกมาประกาศเตือนประชาชนให้ระวัง และอย่าหลงเชื่อรูปแบบการทำธุรกิจ โดยเฉพาะรูปแบบการลงทุนผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค รวมทั้ง รูปแบบธุรกิจที่เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ว่าเป็นธุรกิจที่ ทางหน่วยงานราชการยังไม่ให้การยอมรับ ฉะนั้นประชาชนอย่าหลงเชื่อ และอย่าเข้าร่วมธุรกิจประเภทนี้เป็นดีที่สุด แต่สุดท้ายคนไทยก็ยังเข้าร่วมธุรกิจประเภทนี้อยู่ดี เนื่องจากน้อยรายนักที่จะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ และบางส่วนยินยอมร่วมลงทุนแม้ว่าจะสุ่มเสี่ยงก็ตาม
สร้างความน่าเชื่อถือปลอมๆ
สถาบันการเงินที่ 'ยูฟัน'นำมากล่าวอ้างว่ามีเงินสำรองอยู่ในสถาบันการเงินเหล่านี้มากกว่า 22% ทั้ง UDBP จากประเทศวานูอาตู ธนาคาร BDG ประเทศกินี ในทวีปแอฟฟริกา และบริษัทการเงินชื่อ NICO Financial ล้วนแล้วที่ขาดความน่าเชื่อถือแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะทุนจดทะเบียน และเม็ดเงินที่อยู่ในสถาบันการเงินเหล่านี้ที่มีอยู่เพียงน้อยนิด ซึ่งบางธนาคารที่กล่าวอ้างมีเงินอยู่ในธนาคารรวมกันทั้งหมดเพียงแค่ 2 ล้านบาทไทยเท่านั้น
ล็อบบี้สื่อไม่สำเร็จ
ทั้งนี้ ช่วงที่'ยูฟัน' เริ่มมีกระแสต่อต้านมากขึ้น ปลายปีที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่า ฝ่ายบริหารของบริษัทแห่งนี้ส่งคนเข้าเจรจากับสื่อบางราย โดยได้นำเสนอผลประโยชน์เป็นเม็ดเงินโฆษณา พร้อมกับมีการนำเสนอผลประโยชน์ส่วนตัวให้สื่อบางราย จากหลักแสนไปยันหลักล้านบาท โดยให้สื่อบางรายที่เจรจาเป็นโต้โผในการเชื้อเชิญสื่อมวลชนเพื่อแถลงข่าวชี้แจงกระแสลบที่มีต่อบริษัท แต่ไม่ได้รับการร่วมมือจากสื่อมากนัก เนื่องจากกระแสข่าวล็อบบี้สื่อ มีการขยายออกสู่สังคมอย่างรวดเร็วจนได้รับการต่อต้านจากสื่อที่เห็นว่า การกระทำเช่นนี้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ความเป็นสื่ออย่างร้ายแรง
เกิดกระแสข่มขู่คุกคาม
ปลายปีที่ผ่านมา มีกระแสการข่มขู่คุกคามสื่อเกิดขึ้นผ่านโซเชียลมีเดียจากคน 'ยูฟัน'โดยมีกระแสลบพูดกล่าวกันในวงการสื่อ และวงการขายตรงว่า ใครที่ต่อต้าน "ยูฟัน" ให้ระวัง อาจจะโดนอุ้มหาย หรือโดนคุกคามจะผู้มีอิทธิพลที่มีส่วนได้ ส่วนเสียกับบริษัทแห่งนี้ ซึ่งกระแสข่าวลือนี้เริ่มเป็นจริงขึ้นเมื่อมีสื่อมวลชนบางรายโดนข่มขู่ ผ่านทางโซเชียล มีเดีย หลังนำเสนอข่าวออกไป โดยเขียนขึ้นในทำนองภาษาที่ว่า 'มึงตายแน่'ส่วนประชาชนทั่วไปที่ออกหน้าคัดค้านรูปแบบธุรกิจแห่งนี้ก็โดนข่มขู่ด้วยเช่นกัน โดยอ้างว่ามีนายทหารระดับสูงรายหนึ่งให้การสนับสนุน จนกระทั่งโดนหน่วยงานภาครัฐบุกจับในที่สุดเรื่องจึงหายเงียบไป
อุปโลกน์บริษัทผลิตสินค้า
บริษัท บีโอไอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด คือบริษัทผู้ผลิตสินค้าที่ทางผู้บริหาร'ยูฟัน'อ้างว่า ผลิตสินค้าเครื่องสำอางให้ ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งทางเจ้าของบริษัทผลิตสินค้าได้ออกมายืนยันว่า ไม่เคยได้ผลิตสินค้าให้กับทาง "ยูฟัน" แม้แต่ชิ้นเดียว แต่ยอมรับว่า มีการเซ็น MOU ผลิตสินค้าให้กับ "ยูฟัน" จริง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2557 แต่ไม่เคยมีออร์เดอร์เกิดขึ้น ซึ่งทางบริษัทผู้ผลิตเองได้ทำเรื่องขอยกเลิกสัญญาฉบับดังกล่าว พร้อมขอเอกสารคืน แต่ไม่ได้รับการร่วมมือจากผู้บริหาร "ยูฟัน" โดยอ้างว่า เอกสารได้หายไปแล้ว ทั้งๆ ที่ทาง "ยูฟัน" ยังใช้เอกสารนี้อ้างอิงอยู่ในปัจจุบัน
สวมบัตรประชาชนปลอม
เป็นที่น่าผิดสังเกตว่า หากกระทำธุรกิจที่ถูกกฎหมายจริงๆ ทำไมนายทุนใหญ่ของ'ยูฟัน'มีการสวมบัตรประจำตัวประชาชน เป็นคนไทย ในชื่อ 'อาทิตย์ ปานแก้ว'โดยเริ่มต้นใช้ชื่อในทะเบียนบ้านที่จังหวัดสระแก้ว จากนั้น ย้ายทะเบียนบ้านไปตามจังหวัดต่างๆ อีกกว่า 4-5 จังหวัด อย่าง นนทบุรี กรุงเทพฯ อุตรดิตถ์ เชียงราย เป็นต้น ซึ่งคนทั่วๆ ไปเขาไม่ทำกันอย่างนี้
ลือ! ล็อบบี้หน่วยงานราชการ
นอกจากกระแสการล็อบบี้สื่อแล้ว ในวงการที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการทำธุรกิจของ 'ยูฟัน'บางส่วนมีกระแสข่าวปล่อยที่ว่า ฝ่ายบริหาร "ยูฟัน" เองพยายามล็อบบี้หน่วยงานราชการบางหน่วยโดยนำเสนอผลประโยชน์ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี จนเป็นเหตุให้ต้องจัดตั้งทีมเฉพาะกิจการในการสืบสวนสอบสวนขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการทำงานครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่ให้มากที่สุด ซึ่งแต่เดิมนั้นคดีดังกล่าวถูกนำไปแจ้งยังหน่วยงานแห่งหนึ่ง แต่ได้รับคำตอบกลับมาว่า รับคดีไม่ได้เพราะยังไม่มีผู้เสียหาย
โยงกลุ่มฟอกเงินนอกระบบ
เบื้องลึกจริงๆ'ยูฟัน'นอกจากจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่แล้ว ยังเป็นธุรกิจที่ดึงดูดกลุ่มฟอกเงินนอกระบบ โดยนำเงินผิดกฎหมายมาฟอกผ่านการลงทุนกับบริษัทแห่งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่รายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยนาม กล่าวว่า มีกลุ่มนักธุรกิจผิดกฎหมายหลายรายนำเงินผิดกฎหมายมาลงทุนผ่าน "ยูฟัน'ซึ่งเป็นไปได้ว่า ทางเจ้าของ'ยูฟัน'นั้นรับทราบ โดยข้อมูลส่วนนี้ ยังไม่เปิดเผยในชั้นสอบสวน และตำรวจยังไม่มีรายละเอียดของข้อมูลตรงส่วนนี้ หรืออาจจะรับทราบแล้ว และอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งของการเข้าจับกุม
ปิดตำนาน ‘มันนี่เกม’
ทั้งนี้ กระแสการล้มเครือข่าย'มันนี่เกม'อย่าง'ยูฟัน สโตร์'มีข่าวคราวออกมาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมาว่า จะมีการเข้าจับกุมบริษัทแห่งนี้ แต่เนื่องด้วยเกิดสภาวะทางการเมืองที่ไม่ปกติ อีกทั้งหน่วยงานบางหน่วยไม่ยอมรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ โดยอ้างว่ายังไม่มีผู้เสียหาย จึงทำให้การสืบสวนสอบสวนชะลอตัวออกไป จากนั้นมกราคม 2558 มีการตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจขึ้นมาสืบสวนสอบสวนคดีนี้โดยเฉพาะ และขึ้นตรงกับ ผบ.ตร. แต่ด้วยข้อมูลที่ยังไม่รัดกุม ทางตำรวจจึงขอเวลาในการสืบสวน สอบสวน เพื่อรวมรวมหลักฐานอีกระยะหนึ่ง
เมื่อหลักฐานมีมากเพียงพอที่จะเอาผิด จึงขออนุญาตออกหมายจับบุคคลประมาณ 8 รายในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกรรมการของ บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ตามที่เป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน และกำลังขยายการจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดเพิ่มเติมในขณะนี้ และทราบว่ามีผู้ร่วมลงทุนนับแสนราย มีมูลค่าความเสียหายเกิน 2 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว และอีกไม่นานในอีกหลายๆ ประเทศที่ สาขา 'ยูฟัน'เข้าไปก่อตั้ง ก็ต้องประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับไทย