'โฟกัส'ขายตรง : DSI พึ่งได้

   บ้านเมือง : หนุ่มเซลส์แมน

   เรื่องของเรื่องกับประเด็นที่เคยนำเสนอออกมาหลายครั้ง หลายครา ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย

    เป็นธุรกิจในลักษณะ "มันนี่เกม" หรือ "แชร์ลูกโซ่"มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่ง เข้ามาขอความร่วมมือผู้เขียนให้ช่วยจัดหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรม และวิธีการทำธุรกิจของ บริษัทๆ หนึ่งเพื่อที่จะนำมาประกอบเป็นสำนวนเอาผิด

    โดยสงสัยว่า เป็นพฤติกรรมที่ดำเนินธุรกิจเข้าข่าย "มันนี่เกม" ผู้เขียนคิดว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผู้เขียนประสานข้อมูลกับหลายหน่วยงาน ในการให้ความร่วมมือขจัดภัยสังคม ที่เราเองเริ่มจะเบื่อหน่ายเต็มทีเช่นกัน

   ที่ว่าเบื่อหน่าย ไม่ใช่เพราะธุรกิจประเภทนี้เกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน ที่เบื่อหน่ายที่ไม่เคยมีการป้องกันและปราบปรามอย่างเอาจริงเอาจังเสียที

    ในเรื่องไม่เอาถ่าน ย่อมมีเรื่องดีๆ แฝงอยู่บ้าง เพราะได้ยินข่าวว่า หลังจากปฏิวัติ ก่อนหน้านั้นไม่เป็น "สับปะรด"

    ทำไมต้องมาเอาจริง เอาจังกันในยุคไม่ปกติ แสดงว่าช่วงปกติ ช่วงประชาธิปไตย ช่วงการปกครองที่เรียกร้องกลับมา ทำไม อะไรๆ ก็ไม่คืบหน้า

  ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นคดีความแชร์ลูกโซ่หลายคดี ที่การร้องเรียน มีการฟ้องร้อง

  บางคดีเป็นข่าวใหญ่โต แต่สุดท้ายแทบจะทุกคดีไม่มีการดำเนินการต่อเลยแม้แต่น้อย

   ได้ยินได้ฟัง ได้เห็นก็ "ละเหี่ยหัวใจ" เหลือเกิน พี่น้อง เพราะบางคดีแชร์ ประชาชนจะฆ่ากันตาย จะฆ่าตัวตาย "บ้านแตกสาแหรกขาด" หวังพึ่งพาระบบยุติธรรมไม่ได้สมัยปีสองปีที่ผ่านมา มีการร้องเรียนคดีแชร์ลูกโซ่มากมายหลายคดี ส่วนมากร้องไปที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI

                เท่าที่ทราบไม่ใช่เรื่องเดียว แต่มีคดีแชร์หลายคดีที่อยู่ในมือของกรมฯ นี้

                แปลกแต่จริงครับ 'เรื่องเหมือนถูกลืม' หลังปฏิวัติ ผู้เขียนได้ยินข่าวว่า จะนำเรื่องแชร์กลับมาทบทวนใหม่ เพื่อรื้อคดีต่างๆ ขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

                ถ้ามองมุมบวก เจ้าหน้าที่อาจกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น เพื่อวิเคราะห์คดีแต่ละคดีเอามาปัดฝุ่นใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา

                นี่ได้ข่าวว่า กำลังทำคดีใหม่เป็นคดีแชร์ ที่เกี่ยวกับการค้าสกุลเงิน ค้าทอง ที่กำลังได้รับความนิยม

                แสดงให้คนไทยนั้นได้เห็นว่า DSI นั้นพึ่งได้จริงๆ