- Details
- Category: ขายตรง
- Published: Wednesday, 11 March 2015 11:30
- Hits: 2938
สมาคมขายตรงดักทางสคบ. หวั่นแก้กฎหมายกระทบธุรกิจวูบ
ไทยโพสต์ : คลองเตย * สมาคมขายตรงไทย วอน สคบ.รับฟัง 9 ข้อเสนอแนะ หวั่นการแก้ไข พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 กระทบตลาดขายตรง 7 หมื่นล้าน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง 11 ล้านคน
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ นายกสมาคมการขายตรงไทย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาทางสมาคมฯ ได้มีหนังสือยื่นไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ถึงกรณีการแก้ไขพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการพิจารณาถึงแนวทางข้อเสนอที่สมาคมฯ ยื่นไปแต่อย่างใด โดยในวันที่ 19 มี.ค.นี้ก็จะมีการทำประชาพิจารณ์เกิดขึ้น สมาคมฯ อยากให้ทาง สคบ.นำข้อเสนอดังต่อไปนี้ ไปพิจารณาและประกอบการตัดสินใจในการแก้ไขพระราชบัญญัติฯ เพื่อสามารถทำให้คุ้มครองผู้บริโภค ตัวแทนจำหน่าย และส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงได้จริง
สำหรับ หัวข้อที่นำเสนอ แบ่งเป็นประเด็นสำคัญดังนี้ เรื่องของทุนจดทะเบียน เสนอว่าไม่ควรเกิน 10 ล้านบาท จากข้อกำหนดเดิมที่ต้องชำระไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เนื่องจากมีผู้ประกอบการขายตรงจำนวนมาก ที่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้อง แม้ว่าจะมีทุนต่ำกว่า 10 ล้านบาทก็ตาม
ส่วนการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงขึ้นมานั้น สมาคมฯ ค่อนข้างเห็นด้วย แต่อยากเสนอให้ตัดมาตรา 18/1 (2) เพราะมองว่าไม่จำเป็นต้องมีการจัดตั้งกองทุนฯ พร้อมทั้งยังอยากให้มีการยืดระยะเวลาของการแจ้งย้ายสำนักงานและส่งรายงานที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจขายตรงต่อนายทะเบียน เป็นภายใน 30 วัน จากเดิมกำหนดไว้เพียง 15 วัน
นอกจากในเรื่องของการต่ออายุ สมาคมมองว่าการ ต่ออายุครั้งแรกควรได้รับใบอนุญาตเป็นระยะเวลา 2 ปี และการต่อครั้งต่อไป ควรมี อายุ 5 ปี และครั้งที่ 3 เป็นต้นไปควรมีอายุ 10 ปี และค่าธรรม เนียมไม่ควรเกิน 5,000 บาทต่อครั้ง และอยากให้สามารถโอนสิทธิใบอนุญาตให้กับทายาทตกทอดทางมรดกได้ ส่วนการที่ผู้ประกอบการต้องวางเงินหลักประกันไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท เพื่อขอใบอนุญาตการประกอบธุรกิจนั้น สมาคมฯ มีความไม่เห็นด้วย และเสนอให้ตัดทุกมาตราที่เกี่ยวข้อง
นางภคพรรณ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่น่าห่วงที่สุดคือเรื่องของการจัดตั้งองค์กรส่งเสริมอาชีพธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง เนื่องจากจะกระทบผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรงมากกว่า 11 ล้านคน หรือปัจจุบันตลาดขายตรงมีมูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มคนเหล่านี้มีทั้งประกอบธุรกิจเป็นอาชีพประจำและเป็นอาชีพเสริม รวมถึงซื้อสิน ค้าเพื่อการบริโภค หากต้องให้ไปขึ้นทะเบียนและเสียค่าอบรม ก่อนการประกอบธุรกิจ ก็จะทำให้ผู้ต้องการมีรายได้เสริมต้องลำบากมากขึ้น มองว่าข้อจำกัดต้องไม่ทำให้ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ หรือแม้แต่ผู้บริโภคต้องลำบาก ซึ่งควรมองหาวิธีเข้ามาจำกัดไม่ให้แชร์ลูกโซ่หรือมันนี่เกมกระจายวงกว้างไปมากกว่านี้ น่าจะเป็นเรื่องที่เกิดประโยชน์มากกว่า.