- Details
- Category: ขายตรง
- Published: Friday, 06 March 2015 23:02
- Hits: 2694
ส่องกล้องขายตรง 2 ด.แรก พลิกเกมสู้ขยายตลาดเพื่อนบ้าน
บ้านเมือง : สุภพงษ์ เทียนสี/รายงาน
ธุรกิจที่มีการเติบโตได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม คงจะหนีไม่พ้นธุรกิจ "ขายตรง" ในมุมตรงข้ามยิ่งภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลง ธุรกิจขายตรงกลับเฟื่องฟูเพิ่มมากขึ้น
นี่คือ สาเหตุสำคัญในการหลั่งไหลเข้าไปทำธุรกิจ ของผู้คนที่ต้องการรายได้เพิ่มขึ้น เพราะธุรกิจขายตรงที่ถูกต้องสามารถเข้าไปเริ่มได้ง่าย และใช้ทุนต่ำ ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ ขณะเดียวกันในมุมตรงข้ามก็เป็นธุรกิจที่ประชาชนถูกหลอกลวงได้ง่าย จากบริษัทหรือแม่ทีมที่มีเล่ห์เหลี่ยมกลหลอกลวง ทำให้ธุรกิจนี้เริ่มต้นได้ง่ายและล้มเหลวได้ง่ายเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขายตรงที่ถูกกฎหมาย ก็มีบทบาทและส่วนสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจไม่แตกต่างจากธุรกิจสาขาอื่นๆ เพราะมูลค่าการตลาดมีมากเกือบแสนล้านบาท โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หลายบริษัทก็สามารถดำเนินธุรกิจได้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ในภาพรวมคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งเป็นไปตามที่หลายฝ่ายต่างประเมินสถานการณ์เอาไว้ ปัจจัยสำคัญคือการทำการตลาดของผู้ประกอบการที่มีอย่างต่อเนื่อง และการแข่งขันในธุรกิจที่แต่ละบริษัท ต้องแข่งขันเพื่อหวังดึงส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับตนเองเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ธุรกิจขายตรง โดยเฉพาะสภาวะการแข่งขันโดยปกตินั้น มีการแข่งขันที่รุนแรงทุกปีอยู่แล้ว รุนแรงทั้งในเรื่องของการจัดแคมเปญการส่งเสริมการขาย และการดึงตัวนักธุรกิจ โดยเฉพาะกับบริษัทเปิดใหม่หรือรายเล็ก ที่หวังจะแจ้งเกิดในเวทีธุรกิจนี้ ทำให้การซื้อตัวแม่ทีมเพื่อหวังสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็วให้กับบริษัทนั้น จึงเป็นทางลัดที่หลายบริษัทมักจะทำกัน แต่ในขณะเดียวกันหากบริษัทไม่มีแผนธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนแล้ว การย้ายค่ายออกไปยังบริษัทใหม่ที่จ่ายผลประโยชน์ที่ดีกว่าก็มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ
วันนี้ "บ้านเมือง"ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้ประกอบการขายตรง ที่อยู่ในสมรภูมิธุรกิจนี้ ถึงสภาวะทางธุรกิจในการดำเนินงานช่วง 2 เดือนแรก จะมีทิศทางไหน ลองไปฟังคำตอบจากปากพวกเขากันดังต่อไปนี้
"แคทส์ดอทคอม" มุ่งเน้นตัวแทน
นายเกียรติพงศ์ ตั้งงามจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคทส์ ดอท คอม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2558 นี้ ถือเป็นปีที่แคทส์ ดอท คอม จะขยายธุรกิจให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ซึ่งบริษัทฯ จะเน้นการสร้างนักธุรกิจที่ต้องการอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจจริงๆ โดยใช้รูปแบบตัวแทนจำหน่ายประจำจังหวัด ที่สมาชิกจะต้องเป็นผู้บริหารจัดการสาขาของตนเอง ทั้งบริหารจัดประชุมให้กับทีมงาน
ทั้งนี้ใน 2 เดือนแรกที่ผ่านมาถือว่า ยังมีอัตรากรรเติบโตของยอดขายที่ดีมาก โดยเฉพาะการไปเปิดสาขาที่ลาวเมื่อช่วงต้นปี จึงทำให้ยอดขายจากทางฝั่งลาวมียอดขายเพิ่มเข้ามาด้วย นอกจากนี้ยังมีสาขากัมพูชา และบริษัทฯ เตรียมจะขยายสาขาเพิ่มที่ประเทศสิงคโปร์ โดยจะมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการเปิดตลาดเออีซี
นายเกียรติพงศ์ เปิดเผยต่อว่า นโยบายของ "แคทส์ดอทคอม" ยังคมเน้นตัวแทนมากกว่า จะไม่ได้ดูสมาชิกมากๆ เหมือนเมื่อก่อน คือจะทำยังไงก็ได้ให้สมาชิกที่เข้ามามีรายได้ทั้งจากค่าคอมมิชชั่น และการค้าปลีก สำหรับการเป็นตัวแทนจะต้องเป็นสมาชิกระยะหนึ่งก่อน ก็คือคนที่บริษัทดูแล้ว ว่าเป็นคนที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่แม่ทีมทั่วไปที่ลอยไปลอยมา แต่คนที่เป็นตัวแทนก็คือคนที่มีธุรกิจอื่นอยู่แล้วในจังหวัดนั้นๆ และทำของเราเป็นอาชีพเสริม มีหน้าร้าน เพื่อที่จะได้เอาสินค้าของแคทส์ไปวางจำหน่ายได้ คาดว่าใน Q1 ปิดยอดขายประมาณ 20 ล้านบาท คือต้องบอกว่าเราไม่ได้เน้นในเรื่องของยอดขายมากนัก แต่จะมองว่าเหลือเท่าไหร่ เพราะเมื่อก่อน 1 เดือนก็ขายได้แล้ว 30 กว่าล้าน สุดท้ายแล้วก็ไม่เหลือ
อย่างไรก็ตาม "แคทส์ ดอท คอม" จะเน้นในเรื่องของสื่อ เพราะว่าในตัวแทนส่วนใหญ่จะใช้สื่อท้องถิ่นของเค้า พวกวิทยุ ขอให้การสนับสนุนเรื่องของข้อมูลที่จะเอาไปโปรโมทพวกเคสต่างๆ และลงสื่อสิ่งพิมพ์นี้มีบ้าง ส่วนเทรนด์ตลาดปีนี้ยังคงเป็นอาหารเสริมอยู่ และคนที่เข้ามาจะมองแผนเป็นอันดับ 2 แล้วในปัจจุบันนี้
"เวิล์ดโปร์" เน้นธุรกิจเกษตร
ขณะที่นายพิสิษฐ์ เดชวรรณพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวิล์ดโปร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน วิกฤตการณ์ทางการเมืองทำให้เกิดผลกระทบมากพอสมควร ประกอบกับปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้ยอดขายของเราลดลงไปค่อนข้างมาก จากเดือนละกว่า 20 ล้านบาท เหลือไม่ถึงครึ่ง หลังจากการเมืองเริ่มคลี่คลาย สิ่งที่ดีๆ จะกลับมาได้ โดยเฉพาะการทำให้ธุรกิจเติบโต ไม่ใช่การโหนกระแสหรือสร้างกระแส แต่เป็นเรื่องของสินค้าใช้ดีแล้วบอกต่อ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสมาชิกได้จริง ซึ่งสินค้าของ "เวิล์ดโปร" ตอบโจทย์ให้กับลูกค้า โดยส่วนตัวตนมั่นใจขวัญสมาชิกจะกลับมาแน่นอน
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา "เวิล์ดโปร" ได้วางเป้าหมายไว้ที่ 300 ล้านบาท แต่ช่วงระยะเวลานั้นที่เกิดปัจจัยลบภายในประเทศทำให้ยอดขายของเราลดลงไป 10% ในขณะที่เป้าปีนี้ บริษัทฯ ได้วางไว้ที่ 500 ล้านบาท โดยใน 2 เดือนแรกที่ผ่านมา ยอดขายยังคงไม่เข้าเป้า เนื่องจากยังอยู่ในช่วงของการปรับตัวต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมา
สำหรับ การเตรียมตัวรับมือในการเปิดเขตเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) นั้นบริษัทฯ มีแผนรองรับที่จะขยายธุรกิจไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ประเทศพม่าและกัมพูชา ล่าสุดก็ได้เข้าไปทำตลาดที่ประเทศลาวบ้างแล้ว โดยมีสมาชิกเข้าไปเปิดตลาดก่อน และคาดว่าจะมีการเข้าไปเปิดอย่างเป็นทางการแน่นอน
ขณะนี้สินค้า "เวิลด์โปร" มีทั้งหมด 5 หมวด ได้แก่ 1.เครื่องสำอาง, 2. อาหารเสริม, 3.พลังงาน, 4.เกษตร และ 5.อุปโภคบริโภค ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นตลาดต่างจังหวัดที่ขายดี สินค้าเกษตรจะเป็นตัวที่ทำให้มียอดขายมากแบ่งเป็นสัดส่วน ต่างจังหวัด 70% กรุงเทพฯ 30% ปีนี้จะมุ่งเน้นเกษตรมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนสมาชิกของ "เวิลด์โปร" จะเป็นกลุ่มที่มีการซื้อซ้ำมากกว่า โดยเฉพาะภาคการเกษตร ธุรกิจเวิลด์โปรเติบโตมาก และการลงพื้นที่จัดอบรมและเทรนนิ่งให้กับเหล่าสมาชิก สร้างผู้นำเอง ในส่วนของการกระตุ้นยอดปีนี้จะมีการออกโปรโมชั่นท่องเที่ยว ในต่างประเทศ 1 ปี เที่ยว 2 ครั้ง ขณะที่เทรนตลาดปีนี้ ตนมองว่ายังคงเป็นอาหารเสริม และอาจจะมีสินค้าเกษตรเข้ามาร่วมด้วยบ้าง
"พีเอสไทย" เฟ้นหาพาร์ตเนอร์
ขณะที่นายภัทรพงษ์ วรรณสุข ประธานกรรมการ บริษัท พีเอสไทย ซัคเซส จำกัด เปิดเผยว่า ตอนนี้ บริษัทฯ มุ่งฐานผู้บริโภค และจุดบริการให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเป็นช็อปสินค้า และจะมีการเพิ่มจุดบริการให้มากที่สุด ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้ที่ 100 ช็อป แต่บริษัทฯไม่ได้เน้นการลงทุนใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะบริษัทได้เอาระบบไปสวมที่ร้านอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าชุมชน ร้านโชห่วยทั้งหลาย โดยขั้นแรกต้องเป็นสมาชิก และใช้งบลงทุน 50,000 บาท สิ่งที่ได้รับจะเป็นระบบยิงบาร์โค้ดทั้งหมด โดยสินค้าทุกรายการในช็อป ซื้อแล้วจะต้องมี PV ให้กับสมาชิกด้วย
"ตอนนี้ยอดของเราตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมายังคงลดลงอยู่ เนื่องจากเราได้ปรับปรุงระบบใหม่ และได้หยุดระบบไป จึงเป็นสาเหตุทำให้ยอดขายตกลงไปก็น่าจะประมาณ 40% ต้องบอกว่าเราเหมือนเริ่มต้นใหม่ เหมือนกับผมเปิดบริษัทใหม่เลยเป็นบริษัท พีเอสไทย ซัคเซส จำกัด แต่สมาชิกเก่าผมได้โยกมาจากบบริษัทเดิมที่ชื่อ บริษัท โรจนภัทร จำกัด แล้วเปลี่ยนมาเป็น บริษัท อาร์พีจี เน็ตเวิร์ค จำกัด แต่ว่าต้องรอยอดซื้อใหม่ อีกครั้ง"
นายภัทรพงษ์ กล่าวต่อว่า "พีเอสไทย" ของเรายังคงมุ่งเน้นในเรื่องของพันธมิตรทางธุรกิจ โดยทำธุรกิจแบบเป็นพาร์ตเนอร์กัน ใครมีสินค้าดีๆ ก็เอามาร่วมกัน เน้นเครือข่ายแบบธรรมชาติ มีสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันทุกอย่างที่ลูกค้าใช้ ลูกค้าต่อไป ไปซื้อยาสีฟัน ตัดผม ต่อไปเรื่อยๆ เพียงแต่เป็นสมาชิกก็สามารถได้ PV สะสม
คะแนนได้ ส่วนสินค้าหลักตอนนี้สินค้าจะมี เถาเอ็นอ่อน พิงค์นภา Famiry Gold Lutine ส่วนที่เพิ่มเข้ามาจะเป็นกาแฟกับคอลลาเจน อื่นๆ ที่จะเข้ามาร่วมในระบบการค้าในช็อปด้วย
ทั้งนี้ "ระบบพีเอสไทย" มีความคล้ายกับระบบสหกรณ์ที่ผมไปนำเสนอกับกระทรวงมหาดไทย ตอนนี้รอให้ผมไปเสนอข้อมูลอยู่ แต่ทางกระทรวงได้ทำอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่หน่วยงานเอกชนไหนที่เข้าไปเสนอรูปแบบมาตรฐานเท่านั้นเอง
ที่ผ่านมาพีเอสไทยได้ร่วมกับพาร์ตเนอร์ โดยได้จัดคอนเสิร์ตไปหลายครั้ง ก็คือจะเป็นรูปแบบแฟรนไชส์กาแฟ ซึ่งใช้ชื่อว่า ภัทร กาแฟ ใครที่มาทานกาแฟจะได้ PV โดยเป็นโครงการนำร่องส่งเสริมอาชีพ ให้กับบริษัท พีเอส เราจะเน้นลงตามตำบลละ 1 ช็อป เพื่อที่จะวางรากฐานให้เข้าสู่พีเอส ทำให้ลูกเห็นว่ากินกาแฟนกินที่ไหนก็ได้ ตอนนี้ขายไป 80 สาขาแล้ว เฉพาะในอุบลราชธานี ถ้าครบ 100 สาขาจะมีจัดงานแบบยิ่งใหญ่ ส่วนเป้าหมายปีนี้วางไว้ที่ 500 สาขา ก็จะมีการจัดงานใหญ่อีกครั้ง"
"วิเลนดรอฟ" ขยายช็อปเพิ่ม
ขณะที่ นายธนากร บุญวิจิตร ประธานกรรมการ บริษัท วินเลนดรอฟ จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจวิลเลนดรอฟจะเป็นขายตรงกึ่งแฟรนไชส์ ซึ่งทำให้คนที่เข้ามาใหม่มีรายได้ตั้งแต่ยังทำเครือข่ายไม่เป็น เพียงแต่เข้ามาเรียนการนวดหน้า ขัดหน้า พอเป็นแล้วออกไปทำงานสร้างรายได้ทันที ส่วนเรื่องการขยายเครือข่ายจะมีมาเองโดยอัตโนมัติ
ทั้งนื้ ในปีที่ผ่านยอดธุรกิจของบริษัทฯ มียอดขายลดลงประมาณ 20% และในปีนี้ในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาได้มีการวางแผนงาน โดยเฉพาะจะเน้นการขยายสาขา เป็นช็อปให้คนมาขัดหน้านวดหน้า ตอนนี้ก็ขยายไปตามห้างตามชุมชน เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ตรงนี้ได้เพิ่มเติมความรู้ที่เป็นมาตรฐานในด้านวิชาชีพจากกระทรวงแรงงาน โดยได้ร่วมมือกับภาครัฐ โดยเฉพาะตอนนี้บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นสนับสนุนคนที่เปิดร้านและสนับสนุนคนที่ทำทีม การบริหารจัดการร้านจะต้องมีอย่างไรบ้าง
สำหรับ การลงทุนผู้จะเข้ามาร่วมลงทุนนั้น จะต้องมีงบประมาณ 300,000 บาทขึ้นไป สำหรับคนที่ลงทุน ซึ่งต้องมีพื้นที่อย่างน้อย 1 ห้อง ตกแต่งห้องให้เรียบร้อย เพื่อรองรับลูกค้า จะมีการสนับสนุนในเรื่องของสินค้า ถ้าซื้อสินค้าครบจำนวนที่บริษัทตั้งกฎเกณฑ์เอาไว้ บริษัทฯจะมีการเพิ่มสินค้าให้ และให้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วย ในส่วนเป้าหมายของอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 40%
"วิลเลนดรอฟ ส่งเสริมการทำงานของสมาชิกอยู่ 2 รูปแบบ คือ 1.ส่งเสริมการทำธุรกิจในรูปแบบเครือข่าย 2.เน้นวางสินค้าในจุดบริการต่างๆ ให้มากที่สุด เพราะการทำธุรกิจถ้าไม่มีจุดจำหน่ายสินค้า ซึ่งยากแน่นอน เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นที่มาของวินเลนดรอฟช็อปเกิดขึ้น ถ้าสมาชิกสามารถหาซื้อสินค้าได้ง่าย ธุรกิจก็จะขยายได้ง่ายขึ้น"
อย่างไรก็ตาม ในส่วนตลาดต่างประเทศขณะนี้ได้เปิดตลาดที่เวียงจันทน์ ประเทศลาวเรียบร้อยแล้ว โดยมียอดขายดีมาก ส่วนใหญ่จะมาจากการขายปลีกและมาส์กหน้า นวดหน้า เพราะว่าได้เงินเร็ว นอกจากนั้น จะขยายเข้าไปที่ประเทศเวียดนาม และอินโดฯ ส่วนพม่าตอนนี้ก็นำสินค้าเข้าไปก่อน โดยได้ไปปักหลักที่ชายแดนแม่สอด กัมพูชาส่วนใน 10 ประเทศ AEC น่าจะประมาณ 3 ปี โดยบริษัทฯ จะค่อยๆ ขยายตลาดในช่วงเวลาที่เหมาะสมให้มากที่สุดอีกด้วย