- Details
- Category: ขายตรง
- Published: Friday, 06 June 2014 00:04
- Hits: 4742
ขายตรงโล่งอกการเมืองนิ่ง ครึ่งปีหลังโหมโปรโมชั่นปั๊มยอด
บ้านเมือง : สุภพงษ์ เทียนสี/รายงาน ค่ายขายตรงเผยพิษการเมืองทำยอดขายวูบ กระทบธุรกิจทั้งระบบ มั่นใจหลัง คสช.ควบคุมสถานการณ์ ส่งผลทิศทางชัดเจน มุ่งโฟกัสที่การทำงานอย่างเต็มที่ สั่งเดินหน้าขยายธุรกิจ อัดโปรโมชั่น โปรแกรมทางการตลาดช่วงครึ่งปีหลังหวังโกยยอดขาย
นายศุภชาติ อังคสุวรรณศิริ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ออร์กาโน่ โกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาซึ่งประเทศไทยอยู่ในช่วงที่เกิดวิกฤติทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างชัดเจน สำหรับธุรกิจขายตรงเองพบว่าคนให้ความสนใจและให้น้ำหนักที่เรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องอื่นๆ แต่หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามามีอำนาจในการบริหารประเทศ ทำให้ผลลัพธ์ไปในทางบวกที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ทั้งนี้เงื่อนไขคือจะต้องไม่ยืดเยื้อ มีการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นรูปธรรมอย่างเร็วที่สุด
"เป็นจังหวะดีที่คนจะกลับมาให้ความสนใจกับธุรกิจมากขึ้น นักธุรกิจจะหันมาให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างเต็มร้อย หากสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย น่าจะเป็นทางออกให้กับธุรกิจได้เริ่มตั้งต้นขับเคลื่อนตัวเองใหม่ ทิศทางที่ดีขึ้น เป็นโอกาสที่จะได้โฟกัสธุรกิจมากขึ้นนั่นเอง"
นายศุภชาติ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ทางการเมือง แต่ทางด้านยอดขายของออร์กาโน่โกลด์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีการเติบโตขึ้นกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน สาเหตุเพราะบริษัทมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเร็วๆ นี้บริษัทได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้นำระดับสูงในการเดินทางไปเยี่ยมชมฟาร์มเห็ดที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการผลิตสินค้าคุณภาพป้อนสู่ออร์กาโน่โกลด์
นอกจากนี้ ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน บริษัทยังได้เตรียมจัดงานใหญ่ โดยเชิญบุคคลที่มีรายได้สูงเป็นอันดับต้นๆ ของบริษัทติดอันดับโลกมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เปิดมุมมองให้นักธุรกิจและสมาชิกออร์กาโน่โกลด์อีกด้วย นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่บริษัทเตรียมแผนงานเอาไว้รุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ขณะที่ นายเกียรติคณัตฐ์ ภคพลธนกุล ประธานที่ปรึกษา บริษัท ทรูไลฟ์โกลด์ จำกัด มองว่า สถานการณ์ไม่สงบทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาไม่กระทบกับธุรกิจขายตรงเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับภาคธุรกิจอื่นๆ แต่สิ่งที่จะเป็นผลกระทบและกำหนดทิศทางคือ นโยบายของภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงมากกว่า เช่น นโยบายของ สคบ.
"หากมองด้านการดำเนินธุรกิจในช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมือง มีการประท้วงเกิดขึ้น ตรงนี้ก็กระทบกับธุรกิจเพราะสมาชิกเราส่วนหนึ่งก็ไปชุมนุมทางการเมือง เราแก้ปัญหาโดยคัดเลือกกลุ่ม กลุ่มไหนที่ไม่ยึดติดด้านการเมืองเราก็เข้าไปก่อน กลุ่มที่เขามุ่งไปที่การเมืองเราก็ปล่อยเอาไว้ก่อน พยายามหาคนที่ไม่ยึดติด เพราะธุรกิจเราเดินได้ เราต้องได้พูดคุยกับคน"
นายเกียรติคณัตฐ์ กล่าวว่า หลังจากการปฏิวัติได้มีการออกมาตรการสนับสนุนผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัว อาทิ การจ่ายเงินจำนำข้าวให้แก่ชาวนา ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบในช่วงครึ่งปีหลังนี้ หลังจากก่อนหน้าเศรษฐกิจของไทยชะลอตัวมานาน ตรงนี้ทำให้ประชาชนมีเงินใช้สอยมากขึ้น ก็เป็นผลดีต่อการทำธุรกิจในภาพรวม ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ความไม่ชัดเจนคือ การจัดประชุม เพราะสมาชิกยังเข้าใจสับสนว่าการประชุมขัดต่อกฎหมาย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะการประชุมเป็นกิจกรรมทางธุรกิจซึ่งสามารถทำได้ จึงต้องอาศัยการอธิบายให้สมาชิกมีความเข้าใจ
เช่นเดียวกับ นายสมชาย ติงสมิธ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อัลฟ่า ไบโอ เทคโนโลยี จำกัด ที่มองว่าการเมืองไม่ได้กระทบต่อการเติบโตของธุรกิจเท่าใดนัก โดยเฉพาะบริษัทที่มีขนาดเล็ก ส่วนแบ่งการตลาดยังไม่มาก ทำให้การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วกว่าค่ายใหญ่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บริษัทก็ต้องมีการเตรียมพร้อมให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดอยู่เสมอ
"เรามีการเตรียมพร้อมตลอด นับตั้งแต่เปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการ ทำให้สมาชิกเกิดความเชื่อมั่น ไม่ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรก็ไม่กระทบเรามากนัก ที่สำคัญคือ สินค้าจะต้องดี ผู้บริโภคมีอย่างต่อเนื่อง ครึ่งปีหลังนี้เราเดินหน้าเปิดเซ็นเตอร์ โดยสนับสนุนให้ผู้นำเป็นคนดูแลศูนย์ ตรงนี้ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง เป็นแรงจูงใจให้ผู้นำร่วมธุรกิจกับเรา ขณะนี้เรามีอยู่ 50 เซ็นเตอร์ ทั่วประเทศ และจะกระจายออกไปให้ครอบคลุมทุกพื้นที่" นายสมชาย กล่าว
ด้านขายตรงออนไลน์ บริษัท คัดสรร อินโนเทค จำกัด โดย นายวิศว์ธิชัย นำทรัพย์เจริญ ประธานบริหาร กล่าวว่า บริษัทแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง ดังนั้นเมื่อมีการปฏิวัติเกิดขึ้นก็แทบไม่ต้องมีการปรับตัวมากนัก แต่หากมองด้านยอดขาย หากไม่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ บริษัทอาจสามารถทำการขายสินค้าได้มากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
"เราแทบไม่มีผลกระทบ เราเป็นอีคอมเมิร์ซ ยอดเราไม่ตกลงเลย แต่ธุรกิจอื่นๆ อย่างโรงแรม พวกนี้โดนเต็มๆ แต่โดยรวมมีผลกระทบอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ขายตรง พวกขายของวิธีให้ลูกค้าวอล์กอินเข้ามา รวมถึงตลาดที่ต้องพึ่งพิงเงินตราต่างประเทศ ตรงนี้ต่างชาติหายหมด ยอดขายก็ตกหมด เกือบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ออร์เดอร์ถูกยกเลิก แต่สินค้าอะไรก็ได้ในขายตรงมีผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจอื่นเพราะมุ่งหวังที่จะทำเงินอยู่แล้ว"
นายวิศว์ธิชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการรัฐประหารคิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล ในฐานะนักธุรกิจก็คงต้องเฝ้ามองและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ แต่อย่างไรก็ตาม จุดนี้แสดงถึงความเด็ดขาดและความชัดเจนของประเทศว่าจะเดินต่อไปทางไหน คิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยโดยเร็ว
สอดคล้องกับ นายประกาศิต เลิศมุกดา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แม็กซ์ อินเตอร์ เน็ตเวิร์ค จำกัด แม็ก อินเอตร์ เผยว่า ปัจจัยทางการเมืองนั้นไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงมากนัก โดยเฉพาะในส่วนของบริษัทที่ส่วนมากการทำงานจะเน้นหนักไปที่ต่างจังหวัดมากกว่าเมืองหลวง หากประเมินสถานการณ์ทุกอย่างยังถือว่าเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของนักธุรกิจหรือการจัดส่งสินค้าของบริษัท
"ผลกระทบมีไม่เยอะเพราะเราไปทำงานที่ต่างจังหวัดค่อนข้างมาก อาจมีผลกระทบบ้างเพราะมีเคอร์ฟิว แต่ปัญหาปากท้องอย่างไรก็สำคัญกว่า คนส่วนใหญ่ยังทำงานเหมือนเดิม"
ขณะที่แนวโน้มของธุรกิจขายตรงหลังการปฏิวัติ นายประกาศิต มองว่า ในภาพรวมแล้วจะดีขึ้น เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่เรื้อรังระยะยาว อาจมีคนที่โดนกระทบบ้างแต่ถ้าทุกคนปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
"ตลาดจะดีขึ้น ภาพรวมจะดีขึ้นเพราะเป็นการแก้ปัญหาที่เรื้อรังระยะยาว สภาวะเศรษฐกิจต่างๆ ก็ยิ่งถูกกระทบ เหมือนแก้วบาดเท้า ดึงออกอาจเจ็บแต่จำเป็นต้องทำ ไม่งั้นก็ไม่หาย ผลกระทบก็ไม่เยอะ ถ้าทุกคนปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ผมมองว่า กระบวนการแก้ปัญหาของทางคณะปฏิวัติถือว่าทำมาเพื่อคนส่วนรวม การแก้ปัญหาตรงนี้ ส่วนตัวไม่มีความเห็นทางการเมืองแต่หวังว่าสถนการณ์จะกลับมาได้เป็นปกติโดยเร็ว" นายประกาศิต กล่าว