- Details
- Category: ขายตรง
- Published: Friday, 30 January 2015 22:20
- Hits: 3414
'ออเธนทิคคลินิก' เปิดเกมรุกตลาดความงามปรับตัวรับธุรกิจแข่งเดือดเปิดแคมเปญ สวยแบบบุฟเฟ่ต์'
บ้านเมือง : ปัจจุบันตลาดคลินิกความงาม มีมูลค่ารวมประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท มีคลินิกระดับแมสครองส่วนแบ่งตลาดไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 และยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อปีสูงถึงร้อยละ 15-20 ตามความต้องการของตลาดความงามที่เพิ่มมากขึ้นสวนทางกับเศรษฐกิจปัจจุบันที่ชะลอตัวลง 'ออเธนทิคคลินิกเวชกรรม' เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางที่เจาะกลุ่มแมส ซึ่งเปิดตัวแค่ปี กว่าๆ แต่สามารถขยายสาขาอย่างรวดเร็ว รวมปัจจุบันมีถึง 5 สาขา เปิดกลยุทธ์ต้นปี 2558 บุกต่อเนื่อง ใช้กลยุทธ์แบบ 'ลองเทลมาร์เก็ตติ้ง' จับตลาดทุกกลุ่ม เสริมการบริการเสริมความงามแบบบุฟเฟ่ต์
นายพลัฏฐ์ พฤกษ์ปาริชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออเธนทิคคลินิก เปิดเผยถึงแผนการรุกตลาดคลินิกเวชกรรมความงามในปี 2558 ว่า ธุรกิจคลินิกเสริมความงามในปัจจุบันเติบโตอย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจุบันตลาดคลินิกความงาม มีมูลค่ารวมประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท มีการแข่งขันทางการตลาดสูงมาก การที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าเพื่อช่วงชิงผู้บริโภคหลายๆ ระดับให้ได้มากที่สุดในตลาดได้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะคลินิกความงามค่ายหลักๆ ก็จับจองทำเลที่ดีที่สุดไปหมดแล้ว และยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการสื่อสารการตลาดหลากหลายรูปแบบอย่างคึกคัก ไม่ได้หยุดนิ่งเพียงแค่กลยุทธ์การเปิดขยายเพิ่มจำนวนสาขาเท่านั้น แต่เริ่มเห็นภาพการแตกเซกเมนท์ไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ หรือช่องทางบริการความงามอื่นๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น
ในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะผลประกอบการไตรมาสสุดท้าย หลายๆ คลินิกมีจำนวนลูกค้าค่อนข้างคงที่ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเดิม ทั้งนี้ในสถานการณ์ปัจจุบันต้องยอมรับว่าหากเป็นคลินิกที่จับกลุ่มลูกค้าระดับแมส จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจลดระดับลงมากกว่าคลินิกที่อยู่ในระดับกลาง ถึงระดับพรีเมียม เนื่องจากกลุ่มลูกค้าพรีเมียมแม้จะมีจำนวนลูกค้าที่น้อย แต่กลับมีกำลังซื้อบริการเสริมความงามระดับปริมาณที่สูงมากในแต่ละครั้งที่ใช้บริการเสริมความงาม
กลุ่มเป้าหมายของออเธนทิคคลินิกเป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับพรีเมียม ทำให้ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ออเธนทิคคลินิกไม่ได้รับผลกระทบเท่าไรนัก ลูกค้ายังคงเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง แม้จำนวนลูกค้าอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่ไม่ได้ลดลง แต่ยังคงสามารถขยายสาขาเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในการดำเนินธุรกิจด้วยโมเดลเก่าๆ ของคลินิกเสริมความงามนั้นมีการนำมาใช้ไปหมดแล้ว การคิดในสิ่งที่แตกต่างแต่เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตามเศรษฐกิจของสังคมปัจจุบัน เพื่อตอบโจทย์การขยายฐานจำนวนลูกค้าได้มากกว่า
โดยใช้โมเดล 'ลองเทลมาร์เก็ตติ้ง'ซึ่งคิดเรื่องของกฎ 80:20 กล่าวคือ ลูกค้าระดับพรีเมียมส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อคลินิกเพียง 20% ส่วนอีก 80% จะเป็นลูกค้าที่พร้อมจะหันไปหาแบรนด์คลินิกที่มีความดึงดูดด้านโปรโมชั่นมากกว่า เช่น มีข้อเสนอที่ดีกว่า มีของแถมที่ดีกว่า มีราคาที่ดีกว่า ซึ่งออเธนทิคคลินิกให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม โดยทำการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มลูกค้าทั้งหมด
แยกได้ว่ากลุ่มลูกค้าระดับ A ถึง A+ มีปริมาณ 20% ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มน้อย ส่วนใหญ่รับบริการ ร้อยไหม โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ระดับพรีเมียม แต่สามารถสร้างผลกำไรให้กับคลินิกได้มากถึงร้อยละ 80 ขณะที่กลุ่มลูกค้าระดับ C ถึง B+ มีปริมาณ 80% กลับสร้างผลกำไรให้กับองค์กรเพียงร้อยละ 20 ซึ่งมีกำลังซื้อในรูปแบบระบบผ่อนจ่าย โดยส่วนใหญ่รับบริการประเภททรีทเมนท์เลเซอร์ทั่วไป รักษาสิว ฉีดผิวขาว ลดความอ้วน เพราะลูกค้ากลุ่มนี้จะมีการซื้อซ้ำแบบเป็นคอร์สต่อเนื่อง
บริษัท จึงหันมาทำกลยุทธ์ตลาดแนวใหม่ว่า กลุ่มลูกค้าระดับ C ถึง B+ ที่มีปริมาณถึง 80 ของฐานลูกค้าในออเธนทิคคลินิก ซึ่งมองว่าเป็นลูกค้าส่วนใหญ่ แต่มีกำลังซื้อในระดับกลางค่อนไปทางน้อย กลับสามารถเก็บเล็กผสมน้อยจากลูกค้ากลุ่มนี้ได้ก็ย่อมจะดีกว่า และหันมาสนใจลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย การทำการส่งเสริมการตลาดด้วยการบริการเสริมความงามแบบบุฟเฟต์ การเพิ่มระบบเซลส์โปรโมชั่นต่างๆ ในรูปแบบการผ่อนจ่ายทั้งเงินสด และบัตรเครดิต จะสามารถเก็บผู้บริโภคทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาดของเราได้ทั้ง 100% เป็นหลักแนวคิดการทำการตลาดในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เป็นการปรับตัวด้านกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อใช้ร่วมกับสื่อสมัยใหม่ เช่น อินเตอร์เน็ตที่เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบันที่สนใจด้านเทคโนโลยีเป็นหลักจนเรียกได้ว่าแทบขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งตอบสนองความต้องการในข้อมูลเบื้องต้นโดยมีทีมให้ความรู้ในรูปแบบ ทูเวย์คอมมูนิเคชั่น ทำให้ลูกค้ามีความเข้าใจในบริการ ราคา เครื่องมือ ขั้นตอนการให้บริการ รวมถึงสถานที่ตั้งในการให้บริการระดับหนึ่ง จึงเกิดการตัดสินใจซื้อบริการของคลินิกได้ง่ายขึ้น
จากเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัวลงไป ด้วยเหตุนี้ทางออเธนทิคคลินิกจึงมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อระดับกลางและระดับล่างมากขึ้น เพราะเทรนด์การใส่ใจดูแลใบหน้า บุคลิกภาพ รูปลักษณ์ และรูปร่างของคนรุ่นใหม่ทำให้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามยังคงขยายตัวสูง ลูกค้าที่ซื้อคอร์สปีหนึ่งๆ เยอะมาก
สำหรับ กลยุทธ์การตลาดในปี 2558 นี้จะมุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิม และการเพิ่มลูกค้าใหม่ให้เข้ามาใช้บริการด้วยการเพิ่มแคมเปญโปรโมชั่น "แต่งเสริมเติมสวยแบบบุฟเฟ่ต์" เพื่อเรียกกระแสดึงดูดความสนใจให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีกำลังซื้อไม่สูงมากนักได้รู้สึกว่าคุ้มค่าอย่างสูงสุดกับบริการ และประหยัดงบประมาณกับจำนวนครั้งในการรับบริการแบบไม่มีขีดจำกัดเพื่อสร้างระบบตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น พร้อมระบบการผ่อนชำระค่าบริการหลากหลายรูปแบบทั้งเงินสด บัตรเครดิต เป็นการมิกซ์โปรโมชั่นทางการตลาดหลายๆ รูปแบบเข้าด้วยกัน
สำหรับ บริการ 'แต่งเสริมเติมสวยแบบบุฟเฟ่ต์' เราคัดเลือกบริการที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ โดยลูกค้าสามารถเข้าใช้บริการได้แบบอันลิมิต เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่า และพึงพอใจ เพื่อสร้างการเติบโตจากโอกาสที่ยังเปิดกว้างจากพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทย ที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความสวยความงามเป็นอันดับต้นๆ
ซึ่งออเธนทิคคลินิกที่เน้นกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ ผ่านการสื่อสารหลายรูปแบบเพื่อใหบรรลุเป้าหมายทางการตลาด ที่ผ่านมากลยุทธ์การสื่อสารข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของคลินิกอย่างต่อเนื่อง ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากกลุ่มลูกค้าผู้รักสวยรักงามทั้งลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่อย่างล้นหลาม ซึ่งออเธนทิคคลินิกเปิดให้บริการได้เพียง 2 ปี ถือว่าใช้เวลาไม่นานก็สามารถขยายได้ถึง 5 สาขา มีจำนวนแฟนเพจเกิน 3 แสนราย อีกทั้งจำนวนคนไข้มีคิวนัดรับบริการก็แน่นเอี๊ยดเกือบทุกสาขา จึงถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในตลาดคลินิกความอย่างสวยงาม
สำหรับ เป้าหมายการเติบโตของออเธนทิคคลินิกในปีนี้ จะเน้นการลงทุนด้านเครื่องมือ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเสริมบริการ มูลค่า 40-50 ล้านบาท ปัจจุบันออเธนทิคเปิดบริการ 5 สาขา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฐานลูกค้าประมาณ 3 หมื่นราย และมีลูกค้าต่างชาติใช้บริการราว 10% เราตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างรายได้การเติบโตได้ที่ 50% ขึ้นไป จากปีที่ผ่านมาที่มีการเติบโต 20-30% โดยมูลค่าตลาดของธุรกิจคลินิกเสริมความงามโดยรวมในประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 220,000-30,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตของผู้บริโภคอยู่ที่ 95% โดยในปี 2558 นี้ ธุรกิจคลินิกมีการแข่งขันอย่างรุนแรง เพราะจะมีคลินิกเสริมความงามแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง" สื่อให้เห็นว่า "ความสวย-ความหล่อ" เป็นเรื่องจำเป็นต่อการเปลี่ยนชีวิตของคนไทย