- Details
- Category: ขายตรง
- Published: Thursday, 27 November 2014 23:28
- Hits: 3440
เจอร์เนสส์ฯ ปลื้มยอดขายโต
บ้านเมือง ; นายกันวาร์ ภูตานิ ประธานภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บริษัท เจอเนสส์ โกลบอล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถปิดผลประกอบการในปี 2556 ด้วยตัวเลขรายได้กว่า 256 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และตัวเลขที่ส่งให้ Inc. Magazine ประเมินผลไม่ได้รวมถึงตัวเลขรายได้จากธุรกิจที่ไม่ได้ควบรวมกิจการเข้าไปอยู่ในโครงสร้างของบริษัท
"ผมคาดการณ์ว่าในอนาคตยอดการเติบโตแบบทวีคูณของเจอเนสส์นั้นยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนสามารถทำลายสถิติยอดขายได้อีกครั้งภายในสิ้นปี 2557 ที่กำลังจะถึง เพราะมีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก และประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ธุรกิจเจอเนสส์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมา ตั้งแต่เปิดทำการในปี 2554 จนได้รับรางวัลประเทศที่ทำยอดขายสูงสุด 5 อันดับแรกของโลกประจำปี 2557 รองจากจีน ไต้หวัน และมาเลเซีย
นอกจากนี้ ยังได้รับการยกย่องให้อยู่ในทำเนียบเกียรติยศของ Inc.500 ซึ่งเป็นทำเนียบจัดอันดับบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด 500 อันดับแรกของโลก ของนิตยสาร Inc. Magazine ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะประเมินศักยภาพตั้งแต่ปี 2553-2556 ที่ผ่านมาของบริษัทที่มีฐานการผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา และดำเนินการโดยเอกชน โดย'เจอเนสส์ โกลบอล'ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 258 แสดงให้เห็นว่า 'เจอเนสส์ โกลบอล' เป็นบริษัทขายตรงที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วที่สุดในสมาพันธ์ขายตรงของประเทศสหรัฐอเมริกา และสามารถทำการปิดยอดขายในปี 2556 ได้ด้วยผลประกอบการที่สูงกว่า 224 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตัวเลขผลประกอบการในปีนี้มียอดขายเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 125% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้
สำหรับ ด้านการตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิกคาดการณ์ว่าจะโตกว่าที่วางไว้มากกว่า 30% จากปีก่อน และถือเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วมากอีกด้วย สำหรับภาพรวมตลาดเอเชียแปซิฟิกในประเทศต่างๆ เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ มียอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิม 4-5 เท่าตัว ซึ่งเร็วมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในขณะที่ตลาดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และเก่าแก่มากที่สุดอีกแห่งของวงการขายตรง กลับมียอดผลประกอบการลดลงจากเดิม เนื่องจากติดอุปสรรคด้านการโฆษณาสินค้าที่มีข้อจำกัดมากขึ้น ส่วนเกาหลีใต้ถือเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะรัฐบาลกำหนดให้ผลตอบแทนได้สูงสุด 30% จากรายได้ การแข่งขันกันของบริษัทขายตรงจึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และต้องแข่งขันที่ตัวสินค้ามากกว่าผลตอบแทน และตลาดอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย มีการขยายตลาดพอๆ กับในประเทศไทย
โดยในปีหน้าจะมีการขยายตลาดเพิ่มเติมไปยังกัมพูชา โดยให้ประเทศไทยรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลจัดการ เนื่องจากประเทศไทยมีผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ถือเป็นต้นแบบให้กับหลายๆ ประเทศได้เป็นอย่างดี และถ้าการสำรวจตลาดในอินเดียมีความเป็นไปได้ ก็จะขยายตลาดเข้าไปในปีหน้า สำหรับประเทศไทย วางแผนจะกระจายศูนย์บริการออกไปยังต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้รองรับกับความต้องการสินค้าและเพื่อขยายฐานให้กว้างขึ้น