- Details
- Category: ขายตรง
- Published: Thursday, 23 October 2014 21:45
- Hits: 3698
'ซินเนอร์จี้' อ้อนรัฐทบทวนขึ้นภาษี โอดวิกฤติการเมืองทำขายตรงฟุบ
บ้านเมือง : สุภพงษ์ เทียนสี/รายงาน
'ซินเนอร์จี้'อ้อนรัฐทบทวนปรับภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% ระบุธุรกิจขายตรงเจอสารพัดปัจจัยลบ วิกฤติการเมืองต้นตอแม่ทีมเผ่นหนี ขณะเดียวกันเตรียมจัดงานใหญ่กระตุ้นยอดขายโค้งสุดท้ายปีนี้
นายศุภพงศ์ จันทรวีระกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซินเนอร์จี้ เวิลด์ไวด์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึง นโยบายรัฐที่จะมีการปรับภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10% ต้องยอมรับว่าไม่ได้ส่งผลดีต่อธุรกิจเลย เพราะในช่วงต้นปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไหนต่างได้รับผลกระทบทั้งนั้น จากปัญหาทางการเมือง ทำให้ยอดธุรกิจไม่ถึงเป้าหมายที่ได้คาดการไว้
"ผมเข้าใจตรงนี้ ซึ่งมันอาจจะเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ ดังนั้นเราคงต้องมาปรับตัวภายในว่าจะทำยังไง คือถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้เขาชะลอไปอีก 2 ปี แต่ถ้าชะลอไม่ได้ก็คงต้องปรับตัวไปทำตามนโยบายของรัฐไป แต่ยังไงก็อยากจะวอนของให้ทางหน่อยงานรัฐโปรดเห็นใจธุรกิจขายตรงอย่างพวกเราด้วย เพราะว่าประเทศไทยตอนนี้ธุรกิจกำลังเริ่มฟื้น ก็ควรที่จะปล่อยให้คงที่ก่อน จากนั้นค่อยมาปรับขึ้นกัน"
ทั้งนี้ การปรับภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10% เป็นสิ่งควบคุมไม่ได้ ดังนั้นทุกธุรกิจจะต้องมาปรับตัว เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างไม่ติดขัด แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจขายตรง อยากฝากให้ทบทวนนโยบายตรงนี้เสียใหม่ ไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการน้ำดีจะต้องล้มหายไปจากระบบในการจ่ายภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมายแน่นอน เพราะเมื่อเมื่อครั้งประสบวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ปี 2540 ได้มีการปรับภาษีขึ้นไปเป็น 10% แล้ว แต่เมื่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เข้ามามีการออกมาตรการให้ประเทศไทย ในขณะนั้นรัดเข็มขัดและปฏิบัติวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด การขึ้น VAT ก็เป็นหนึ่งในมาตรการที่ถูกนำมาใช้ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่เมื่อทุกอย่างคงที่แล้วก็ได้ลดภาษีลงเป็น 70% เช่นเดิม
สำหรับ'ซินเนอร์จี้' ถือได้ว่าเป็นธุรกิจขายตรงสัญชาติอเมริกาที่ได้เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย เป็นระยะเวลา 10 ปีก้าวสู่ปีที่ 11 ซึ่งมีคนที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไปไม่ต่ำกว่า 150,000 คน ดังนั้นเมื่อเวลาที่ผู้นำเข้ามานร่วมงานกันจะต้องตกลงกันก่อน เนื่องจากที่ 'ซินเนอร์จี้' ไม่มีการเปลี่ยนแน่ และไม่สวนหรูเวลาไปรีครูทจะต้องตอบข้อโต้แย้งให้ได้
ทั้งนี้'ซินเนอร์จี้' มีสาขาประมาณ 27 ประเทศ แน่นอนอเมริกาเป็นสำนักงานใหญ่ มูลค่าการตลาด 27 ประเทศน่าจะประมาณ 400 เหรียญ ประมาณ 10,000 กว่าล้าน ก็โตแต่ต้องยอมรับว่าในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมานี้จะโดนกระแสธุรกิจ 'เอเจล' ตีทำให้ยอดหายไปมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปีบริษัทฯ ของเราก็โดนเรื่องการเมือง และเกิดวิกฤติผู้นำมีการย้ายค่ายเมื่อกลางปี และเมื่อต้นปี 2014 ก็โดนอีก 1 กลุ่ม ก็คนหายไปน่าจะ 40% จากนั้นก็ประครองสถานการณ์ขึ้นมาได้ แต่ยังคงไม่ถึงเป้าที่ต้องการส่วนจุดแข็งที่ทำให้บริษัทฯ อยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้ คือ 1.เมื่อผู้นำเกิดการย้ายค่ายไปครึ่งหนึ่งอยู่ครึ่งหนึ่ง ไม่ได้ไปหมด คนเหล่านี้ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง 2.'ซินเนอร์จี้'ได้พยายามติดต่อผู้นำในต่างประเทศเข้ามาขยายในเมืองไทย ซึ่งจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และให้คนที่อยู่ไปรีครูทคนที่มีประสบการณ์น้อยๆ หรือคนที่ไม่เคยผ่านธุรกิจมาก่อน แล้วนำมาสร้างให้เป็นนักธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ
"สิ่งที่สมาชิกเกิดความมั่นใจ นั้นคือ การเทรนนิ่ง ซึ่งจะมีทั้งรายสัปดาห์ รายเดือน ก็คงเหมือนทุกๆ ที่ของขายตรง โดยจะใช้ 2 ส่วนเป็นพนักงานของบริษัท
แล้วเป็นผู้นำ นานๆ จะเชิญจากข้างนอกเข้ามา อาจจะไม่เกี่ยวกับเครือข่าย เท่าไหร่ แต่จะได้ในเรื่องแรงบันดาลใจ และจะมีการจัดงานเกียรติยศทุกเดือน เข็มเล็กทุกเดือนที่บริษัท เข็มกลางๆ ก็ไตรมาสละครั้ง จัดที่โรงแรม ต้องบอกว่า 10 เดือนที่ผ่านมานี้เหนื่อย ผมว่าเดือนตุลาคม-ธันวาคมนี้ยอดน่าจะดี และในเดือนพฤศจิกายน ในวันที่ 22-23 จะมีงานใหญ่เฉพาะเอเชีย ซึ่งจะจัดที่พัทยา ทุกประเทศของเอเชียจะมีรามกันที่นั่น งานนี้จะเป็นงานมอบเข็ม ฉะนั้นตรงนี้คนก็รู้สึกว่าต้องขึ้นตำแหน่ง คนน่าจะประมาณ 2,000 คนที่เข้ามาร่วมงาน จะเอาแต่ผู้นำที่มาร่วมงาน ผมเชื่อว่าจะมีคนที่ทำยอดเพิ่มขึ้น"
นายศุภพงศ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนกลยุทธ์ต่อจากนี้ไป 'ซินเนอร์จี้'จะมุ่งเน้นคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยเริ่มวางรากฐานเกี่ยวโซลเซียล เน็ตเวิร์คมากขึ้น ณ ขณะนี้ได้ดำเนินการทำ App ในไอโพน ไนแอนดรอยส์ ให้สามารถดาวน์โหลดได้ แต่จะโฟกัสไปในส่วนของการลดน้ำหนัก
"แน่นอนนอนที่สุด ปีหน้าบริษัทแม่สจะเข้ามาให้การซัพพอร์ทเกี่ยวกับระบบออนไลน์ เพราะว่าการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตนี้ยังไม่ได้ แค้ที่อเมริกาได้ทำแล้ว แต่ของไทยนี้ต้องมาลงทะเบียนที่บริษัท ไม่สามารถคีย์ผ่านออนไลน์ได้ จึงทำให้ธุรกิจอาจจะเดินช้าไปบ้าง แต่ปีหน้าทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างไม่สะดุด"
นอกจากนี้ 'ซินเนอร์จี้'ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพ จะโฟกัสนักกีฬา ดูแลในเรื่องโภชนาการให้ ตอนนี้ที่สวนลุมได้มีการจัดวิ่งทุกวันเสาร์’ซินเนอร์จี้’เป็นสปอตเซอร์ให้ และในเดือนพฤศจิกายนนี้ ได้จับมือกับจุฬาในการจัดวิ่งผลัดมินิมาราทอน ประมาณวันที่ 16 พฤศจิกายน 57 ภายใต้ชื่อ’จุฬา- ซินเนอร์จี้ มินิมาราทอน’น่าจะประมาณ 1,000 คนที่ประมาณการไว้ ตรงนี้จะทำให้เรามองเห็นภาพว่าเราเดินออกจากคนป่วยมาสู่นักกีฬามันก็จะทำให้เห็นภาพมากขึ้น
สำหรับ สินค้าของ'ซินเนอร์จี้'ตอนนี้มีความงาม อาหารเสริม ได้ทั้งคนป่วยและนักกีฬา และตัวลดน้ำหนัก ปีหน้านี้จะมีมาเพิ่มอีก เพราะผู้บริหารบริษัทแม่ย้ายมาจากเฮอร์บาไลฟ์ ซี่งมีความพร้อมในด้านโภชนาการ ขณะนี้กำลังขอ อย.อยู่ยังไม่ผ่าน ตัวนี้ส่งไปเกาหลีใต้แล้วยอดขายดีมาก เป็นแบบชง เป็นชุด 3 ตัว คาดว่าน่าจะได้ประมาณกุมภาพันธ์ปีหน้า ปีนี้จะมีมาเพิ่มอีก 3 ตัว และสินค้าบางรายการนำเข้ามาจากอเมริกาทั้งหมด ในเรื่องของภาษีเยอะมาก ทาง’ซินเนอร์จี้’จึงขออนุญาตนำเข้าเฉพาะวัตุดิบ เพื่อมาผลิตเองที่เมืองไทย ซึ่งทางบริษัทแม่ได้ตอบรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว