- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 19 November 2017 07:51
- Hits: 3214
พาณิชย์ จับมือ WEF เสริมจุดแข็ง แก้จุดอ่อน หวังดันอันดับขีดแข่งขันของไทยดีเพิ่มขึ้น พร้อมดึงบิ๊กธุรกิจและภาคส่วนต่างๆ ร่วมวงวางกรอบขับเคลื่อนประเทศ
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดการประชุม Competitiveness and Inclusive Growth : Navigating towards Thailand 4.0 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ World Economic Forum (WEF) จะร่วมกันจัดขึ้นในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ นี้ว่า จะเป็นการหารือระหว่างผู้แทนจากหลากหลายกลุ่ม เกี่ยวกับประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการในการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยเพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศในอนาคตตั้งแต่บัดนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ในปี 2017 นี้ WEF ได้จัดอันดับความแข่งขันของไทยเป็นลำดับที่ 32 โดยเป็นการเพิ่มขึ้น 2 อันดับจากเดิมที่ 34 โดยมีเรื่องที่ทำได้ดีขึ้น เช่น โครงสร้างพื้นฐานของไทย ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งคุณภาพถนน โครงสร้างระบบราง ท่าเรือ การขนส่งทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัดส่วนการเป็นสมาชิกโทรศัพท์มือถือ ไทยขยับขึ้นมาจากอันดับ 55 ปีที่แล้ว มาอยู่อันดับ 5 อัตราการเข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษา จากอันดับที่ 84 มาอยู่ที่อันดับ 8 ของโลก รวมถึงมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ GDP ไทยได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 20 ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงมากเช่นกัน
นอกจากนี้ อันดับของประเทศไทยยังได้รับการจัดอันดับดีขึ้นอีกหลายประเด็น ทั้งด้านประสิทธิภาพแรงงาน ด้านสภาพแวดล้อมด้านหน่วยงาน ด้านการศึกษาขั้นสูงและการฝึกอบรม ด้านสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาค และที่สำคัญคือด้านนวัตกรรม และด้านความพร้อมเทคโนโลยี ที่ได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ด้วย ทำให้ปีนี้ WEF ไม่มีคำแนะนำประเทศไทยแบบเฉพาะเจาะจง แต่ให้คำแนะนำทั่วไป คือ การใช้นวัตกรรมควรพัฒนาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว WEF มองว่า ไทยยังมีจุดอ่อนที่ต้องเร่งปรับปรุงอีกหลายด้าน ซึ่งการมาจัดการประชุมของ WEF ในครั้งนี้ จะนำเสนอประเด็นที่เห็นว่าไทยควรเดินหน้าพัฒนาให้เร็วขึ้น ได้แก่ (1) การพัฒนา ด้านสถาบันเพื่อให้มีธรรมาภิบาล (2) การปรับ/ลดกฎระเบียบเพื่อสร้างความมีประสิทธิภาพของตลาดและสินค้า (3) การสร้างความพร้อมทางเทคโนโลยี (4) การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม และ (5)การพัฒนาการศึกษาและทักษะ โดยทาง WEF ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมานำเสนอประเด็นเหล่านี้อย่างลึกและตรงไปตรงมา และจะเสนอให้ไทยให้ความสำคัญกับการมีนโยบายเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม (inclusive growth policy) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในระยะยาว
นางอภิรดี กล่าวว่า งานครั้งนี้นอกจากมีรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแล้ว จะมี CEO ของบริษัทชั้นนำ เช่น ปตท. ไทยเบฟ ซีพี ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นสมาชิกของ WEF ร่วมเป็นผู้อภิปราย พร้อมกับตัวแทนจาก Oxfam UNDP ESCAP ธนาคารโลก บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระหว่างประเทศ เช่น PwC และยังมีผู้แทนจากกลุ่มเทคสตาร์ทอัพ กลุ่มเกษตรกรออร์แกนิค บริษัทขนาดกลางที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี SME และหอการค้าต่างประเทศในไทย เข้าร่วมการระดมสมองอย่างคับคั่ง โดยเป้าหมายคือ หาแนวทางนโยบายให้ภาครัฐและภาคเอกชน ในการปฏิรูปเศรษฐกิจไทย ให้รองรับกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในโลกอย่างรวดเร็ว
“การจัดงานของ WEF เรื่องความสามารถในการแข่งขันของไทยครั้งนี้ ดิฉันมั่นใจว่าจะช่วยเสริมการจัดทำแผนปฏิรูปของไทย ที่นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญอย่างมากในขณะนี้ เชื่อว่าจะได้ความคิดและข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรมและนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจได้ต่อไป”นางอภิรดีกล่าวในตอนท้าย