- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 24 August 2014 23:44
- Hits: 2528
พณ.เปิดศูนย์แก้ปัญหาการค้า ตปท.
บ้านเมือง : นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมจัดตั้งคณะทำงานสนับสนุนการดำเนินงานศูนย์ประสานแก้ไขปัญหาการค้าต่างประเทศ (Trade Solution Center) เพื่อเป็นหน่วยงานกลางรับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย เพราะขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง ทำให้ผู้ประกอบการไม่รู้จะร้องเรียนปัญหาทางการค้าต่างๆ กับหน่วยงานใด
สำหรับ แนวทางการทำงานของศูนย์ดังกล่าวจะเป็นหน่วยงานกลางรับเรื่องที่เป็นปัญหาอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศทุกรูปแบบ จากนั้นจะนำมาพิจารณาว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดบ้างหรือสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหน่วยงานใด หากเป็นหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์จะประสานให้เร่งแก้ไขในทันที หรือหากเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นภายนอกกระทรวงฯ จะแจ้งให้หน่วยงานนั้นทราบ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา รวมทั้งจะร่วมมือกับหน่วยงานรัฐและเอกชนกำหนดท่าทีและแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ยังจัดทำระบบเตือนภัยทางการค้า ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกฎระเบียบมาตรการทางการค้าที่ประเทศต่างๆ ประกาศใช้ รวมถึงกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยเตรียมความพร้อม โดยกรมฯ มีแผนจะเผยแพร่ข้อมูลการเตือนภัยทางการค้าผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ของกรมฯ และโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้ประกอบการรู้ทันทีที่มีปัญหาเกิดขึ้น และจะได้หาทางแก้ปัญหาให้ต่อไป
นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังเปิดการสัมมนา "รับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างข้อเสนอเกณฑ์การรวมธุรกิจจากผู้มีส่วนได้-ส่วนเสีย" ว่า 10 ประเทศอาเซียนกำหนดให้ทุกประเทศจะต้องมีกฎหมายแข่งขันทางการค้า ภายหลังการรวมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 เนื่องจากยังมีอีก 5 ประเทศ ได้แก่ พม่า, ลาว, กัมพูชา, บรูไน และฟิลิปปินส์ ไม่มีกฎหมายแข่งขันทางการค้า และหลังจากปี 2558 จะร่วมกันกำหนดกฎหมายให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์และเสรีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศไทยจะมีการบังคับใช้มาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 แล้ว แต่จำเป็นจะต้องมีการทบทวนแนวทางการกำหนดเกณฑ์การรวมธุรกิจ เบื้องต้นกำหนดการควบรวมกิจการจะต้องมีส่วนแบ่งการตลาดไม่เกิน 30% และมีมูลค่าการค้ารวมกันไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ว่าเหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบธุรกิจไทยทุกระดับ