- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 14 September 2017 12:19
- Hits: 2923
ก.พาณิชย์ เผยรัฐมนตรี RCEP ร่วมถกเปิดเสรีการค้า-การลงทุนอย่างรอบด้าน หวังเป้าหมายสำเร็จปลายปีนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2560 ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 49 ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยถึงผลการประชุมครั้งนี้ว่า ที่ประชุมได้รับทราบภาพรวมความคืบหน้าของการเจรจาจัดทำความตกลง RCEP ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ และคู่เจรจาอีก 6 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยที่ประชุมยืนยันเจตนารมณ์ที่จะร่วมกันเร่งการเจรจาอย่างเข้มข้นและให้มีความยืดหยุ่นในการเจรจามากขึ้น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ผู้นำต้องการ
ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความคืบหน้าของการเจรจาในทุกประเด็น และเป็นที่น่ายินดีว่าการเจรจา RCEP มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเจรจาเปิดตลาดและการเจรจากฎเกณฑ์การค้าในด้านต่างๆ ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายในการจัดทำความตกลง RCEP ให้เป็นความตกลงที่ทันสมัย มีคุณภาพ ครอบคลุมการเปิดเสรีอย่างรอบด้าน ทั้งการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน ในส่วนของการเปิดตลาด ที่ประชุมเน้นย้ำให้สมาชิกดำเนินการปรับปรุงข้อเสนอการเปิดตลาดอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงพิจารณาตอบสนองต่อข้อเสนอของประเทศสมาชิกอื่นในเชิงบวกและสร้างสรรค์ นอกจากนี้ สำหรับด้านกฎเกณฑ์การค้า รัฐมนตรี RCEP แสดงความพอใจที่ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ และคณะทำงานย่อยด้านมาตรการเยียวยาทางการค้าขึ้นเป็นครั้งแรก อีกทั้ง ให้ความสำคัญกับการจัดทำกฎเกณฑ์ที่อำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อจะได้ช่วยให้ RCEP เป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพ ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีได้ย้ำว่าการเจรจาที่ประสบความสำเร็จได้ จะต้องเกิดจากความเห็นพ้องร่วมกันของทุกฝ่ายและทุกประเทศสามารถปฏิบัติตามได้ด้วย
โดยรัฐมนตรีของประเทศสมาชิกต่างตระหนักถึงความสำคัญของการประกาศผลสำเร็จของการเจรจา RCEP อย่างมีนัยสำคัญในปี 2560 ซึ่งเป็นปีที่อาเซียนครบรอบ 50 ปี อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ยังคงมีประเด็นคงค้างซึ่งทุกประเทศจะต้องเร่งเจรจาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างมีนัยสำคัญได้ ทั้งนี้ ได้ขอให้คณะกรรมการเจรจาการค้าและคณะทำงานต่างๆ ร่วมกันทุ่มเทแรงกายและแรงใจให้การเจรจาในรอบต่อไปในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อสามารถเจรจาได้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และสามารถรายงานความสำเร็จต่อผู้นำในเดือนพฤศจิกายนต่อไป
ทั้งนี้ หากการเจรจาเป็นผลสำเร็จ RCEP จะกลายเป็นตลาดการค้าและการลงทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งครอบคลุมประมาณหนึ่งในสามของเศรษฐกิจโลก มีประชากรรวมกันกว่า 3.5 ล้านคน มี GDP รวมกันมากกว่า 23 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการค้าของไทยกับประเทศสมาชิก RCEP ในปี 2559 มีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 240 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 59 ของการค้ารวมทั้งหมดของไทย โดยสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปยังภูมิภาค RCEP ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ยางพารา เครื่องจักรกล เหล็ก เป็นต้น
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย