- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 18 June 2017 21:28
- Hits: 4612
พณ.โชว์นวัตกรรมตรวจสอบ DNA ข้าวไทย ยกระดับและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรไทยสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า “กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ มีภารกิจในการดำเนินงานส่งเสริมการค้าข้าวไทย และดำเนินงานยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรไทย เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเป็นการดำเนินงานตามนโยบายและวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันมุ่งเน้นการผลักดันประเทศไปสู่ ‘Thailand 4.0’ ภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม หรือ Value - Based Economy"
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระบวนการนี้เริ่มจากการพัฒนาเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer ที่สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้ประกอบการการค้าข้าวได้ในอนาคต ควบคู่กับการพัฒนาการผลิตที่เน้นการควบคุมปริมาณโดยปลูกข้าวที่มีคุณภาพดีมีมูลค่าสูง สอดคล้องกับความต้องการของตลาด แบบที่เรียกว่า Demand Driven รวมทั้งมีการนำนวัตกรรม หรือ Innovation มาใช้ในการแปรรูปผลผลิตข้าวให้เป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น โดยการนำข้าวแต่ละสายพันธุ์มาวิจัย พร้อมทั้งแปรรูปออกมาเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร (Food Product) และสินค้าอุปโภคอื่นๆ (Non - Food Product) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ข้าวไทย และยกระดับรายได้ให้กับเกษตรกรไทย
ในขณะเดียวกัน กรมการค้าต่างประเทศ ได้มุ่งรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องนวัตกรรมข้าวไทยผ่านสื่อทุกแขนง โดยในครั้งนี้ได้นำสื่อมวลชนจำนวนกว่า 120 ราย ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์เอกลักษณ์พันธุกรรมข้าวไทย ในบริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นแล็บเฉพาะทางภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างกรมการค้าต่างประเทศและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่มีมาตรฐานระดับโลกในการตรวจสอบความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ข้าวจากเอกลักษณ์ดีเอ็นเอ นับเป็นการพัฒนาศักยภาพในการคัดสายพันธ์ข้าวที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อยกระดับคุณภาพและแสดงถึงศักยภาพด้านนวัตกรรม ที่เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก กิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์และการศึกษาดูงานด้านนวัตกรรมข้าวในครั้งนี้ ยังเปิดโอกาสให้คณะสื่อมวลชนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงในการทดลองและสัมผัสผลิตภัณฑ์นวัตกรรมข้าวจากผู้ประกอบการหลายแขนง ผ่านกิจกรรมสาธิตและให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อื่นๆจากข้าวไทย ซึ่งจัดขึ้นในวันเดียวกัน ณ ชวาลัน รีสอร์ต จังหวัดนครปฐม
กิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์และการศึกษาดูงานด้านนวัตกรรมข้าวไทยในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นกิจกรรมต่อเนื่องของโครงการ “Thailand Rice Convention 2017" (TRC 2017) เวทีประชุมด้านข้าวระดับนานาชาติ ที่เพิ่งปิดฉากไปอย่างงดงามเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม2560ที่ผ่านมาซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานมาจากทุกทวีป ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน กลุ่มผู้นำเข้าข้าว ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมข้าว พร้อมด้วยผู้แทนการค้าจากหน่วยงานภาครัฐในประเทศผู้ซื้อ ผู้ผลิต ผู้ส่งออกที่สำคัญจากกว่า 40 ประเทศ งาน TRC 2017 ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยสามารถจะแสดงศักยภาพของไทย ในการเป็นผู้นำการผลิตและค้าข้าวคุณภาพของโลก ตลอดจนเป็นการสร้างโอกาส ให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นวัตกรรมข้าวไทยได้เชื่อมโยงธุรกิจกับผู้ค้าข้าวจากทั่วโลก
พาณิชย์ เผยเอกชน 16 รายเสนอราคาสูงสุดซื้อข้าวในสต็อกรัฐสู่ภาคอุตฯ รวม 2.12 ล้านตัน
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐออกประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 2/2560 ปริมาณ 2.20 ล้านตัน จำนวน 167 คลัง ซึ่งกรมฯ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐได้จัดให้มีการชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขประกาศ (TOR) การจำหน่ายข้าวดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2560
ต่อมา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมาได้มีผู้สนใจยื่นซองเอกสารคุณสมบัติผู้เสนอซื้อ จำนวน 24 ราย และจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานและคุณสมบัติของผู้เสนอซื้อของคณะทำงานรับซองเสนอราคาซื้อร่วมกับผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ปรากฏว่ามีผู้ผ่านคุณสมบัติผู้เสนอซื้อเบื้องต้นทั้งหมด 23 ราย ซึ่งกรมฯ ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติผู้เสนอซื้อเบื้องต้นดังกล่าวไปแล้วในช่วงเช้านี้
ทั้งนี้ หากปรากฏภายหลังว่าผู้เสนอซื้อรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่ประกาศกำหนดจะถือว่าผู้เสนอซื้อรายนั้นขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ต้น และจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประกาศ (TOR) ที่กำหนดไว้ และในช่วงบ่ายวันนี้ ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติผู้เสนอซื้อเบื้องต้นสามารถยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนครั้งที่ 2/2560 โดยผลจากการเปิดซองเสนอราคาซื้อในช่วงบ่าย ปรากฏว่ามีผู้สนใจมายื่นซองจำนวน 21 ราย โดยมีผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 16 ราย ใน 157 คลัง ปริมาณ 2.12 ล้านตัน (คิดเป็น 96.36% ของปริมาณที่เปิดประมูลทั้งหมด) มูลค่าที่เสนอซื้อประมาณ 11,465.90 ล้านบาท โดยช่วงราคาเสนอซื้อสูงสุด 2,000–6,740 บาท/ตัน สำหรับชนิดข้าวที่มีผู้เสนอราคาซื้อมากที่สุดเป็น ข้าวขาว 5% ปริมาณ 1.2 ล้านตัน คิดเป็น 56.47% รองลงมาได้แก่ ปลายข้าว A1 เลิศ ปริมาณ 0.52 ล้านตัน คิดเป็น 24.56%
นางดวงพร กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้ไป กรมฯ จะดำเนินการประมวลผลการยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 2/2560 เข้าที่ประชุมคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐและคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ก่อนเสนอประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาให้ความเห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐต่อไป
พาณิชย์ แจงเหตุตัดสิทธิ'ที พี เค เอทานอล'ประมูลข้าวพบขาดคุณสมบัติ
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว กล่าวถึงกรณีมีการนำเสนอข่าวบริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด เข้าร่วมยื่นซองเสนอซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมและเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด แต่ไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติจำหน่ายว่า คณะทำงานรับซองเสนอราคาซื้อร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานของบริษัทแล้ว พบว่า ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้เสนอซื้อมาตั้งแต่ต้น เนื่องจากกรรมการของบริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด เคยเป็นกรรมการในนิติบุคคล 2 ราย ซึ่งเป็นจำเลยที่กระทำผิดสัญญาตามโครงการยกระดับราคาหัวมันสำปะหลังโดยผ่านกลไกการผลิตและการตลาดปี 2536/37 ซึ่งต่อมาศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยคืนแก่กรมการค้าต่างประเทศ แต่จนบัดนี้กรรมการทั้ง 2 รายดังกล่าวยังไม่ชำระหนี้เงินตามคำพิพากษา บริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัดจึงถือเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้เสนอซื้อมาตั้งแต่ต้น
นอกจากนี้ ภายหลังตรวจพบว่า บริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด มีความสัมพันธ์กับบริษัทที่เคยทำความเสียหายแก่ทางราชการ ซึ่งผิดเงื่อนไขของประกาศฯ ที่มีวัตถุประสงค์ต้องการให้การระบายข้าวในสต็อกของรัฐเป็นไปด้วยความโปร่งใส รัดกุม และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เคยกระทำความเสียหายแก่ทางราชการ กรมฯ ได้ดำเนินการตามประกาศฯ อย่างเคร่งครัด โดยนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะทำงานดำเนินการระบายข้าว และคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว พิจารณาตามขั้นตอน รวมทั้งได้เสนอให้ประธานกรรมการ นบข.ให้ความเห็นชอบแล้ว
พร้อมกันนี้ กรมฯ ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาให้บริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด ทราบแล้ว ซึ่งบริษัทมีสิทธิจะชี้แจงหรือโต้แย้งได้ตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
ส่วนประเด็นที่บริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด ขอให้ภาครัฐตรวจสอบการนำข้าวไปใช้ของผู้ชนะการประมูลแต่ละรายนั้น เป็นเรื่องอยู่ในกระบวนการที่ นบข.ได้กำหนดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จัดมาตรการและดำเนินการตรวจสอบและติดตามการนำข้าวไปใช้อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันข้าวดังกล่าวรั่วไหลเข้าสู่ตลาดปกติ ซึ่งหากพบว่ามีผู้ซื้อรายใดนำข้าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ตามประกาศฯ จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำผิดสามารถแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจติดตามอย่างใกล้ชิดอีกทางด้วย
อนึ่ง ตามหลักเกณฑ์ของประกาศคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ เรื่องการจำหน่ายข้าวในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2560 ลงวันที่ 12 เมษายน 2560 ข้อ 2.คุณสมบัติผู้เสนอซื้อ ระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้เสนอซื้อจะถูกพิจารณาให้เป็นผู้ขาดคุณสมบัติหากเคยมีหรือมีพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(3) เป็นผู้กระทำการใด ๆ ที่เป็นผลเสียหายแก่ทางราชการหรือการค้าระหว่างประเทศหรือโครงการแทรกแซงสินค้าเกษตรภายใต้นโยบายของรัฐบาล หรือมีหรือเคยมีประวัติเป็นผู้ถูกชี้มูลความผิดจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(4) มีข้อมูลหรือหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีความสัมพันธ์กับนิติบุคคล หรือกรรมการ หรือผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ทำความเสียหายตามข้อ (3)
หากปรากฏในภายหลังว่าผู้เสนอซื้อรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามอย่างใดอย่างหนึ่งตามข้อ (1) ถึง (4) จะถือว่าผู้เสนอซื้อรายนั้นขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ต้นและให้ดำเนินการตามข้อ 10 วรรคสอง
อินโฟเควสท์