- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 26 April 2017 21:45
- Hits: 2589
พาณิชย์ เผยส่งออก มี.ค. ขยายตัว 9.2% ส่งผล Q1/60 โต 4.9%, นำเข้าโต 19.3% เกินดุลการค้า 1,617 ล้านเหรียญ
กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน มี.ค.60 โดยการส่งออก มี.ค. มีมูลค่า 20,888 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 9.2% จากตลาดคาด 9.22% ขณะที่การนำเข้า มี.ค.60 มีมูลค่า 19,271 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 19.3% ส่งผลให้ดุลการค้า มี.ค. เกินดุล 1,617 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
จากการส่งออกที่ขยายตัวดังกล่าว ส่งผลให้การส่งออกในไตรมาสแรก ของปี 60 ขยายตัวได้ 4.9% มีมูลค่า 56,456 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่การนำเข้า ไตรมาส 1/60 ขยายตัว 14.8% มีมูลค่า 52,404 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และดุลการค้าเกินดุล 4,053 ล้านดอลล์
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนมี.ค.60 ที่มีมูลค่าสูงกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ขยายตัว 9.2% นั้น ถือว่าเป็นการปรับตัวสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย 5 ปี และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเป็นส่วนใหญ่ตลอดทั้งปี ขณะที่การส่งออกในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ที่ขยายตัวได้ 4.9% นั้น ถือว่าเป็นการขยายตัวได้สูงสุดในรอบกว่า 4 ปี หรือ 17 ไตรมาส ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของการส่งออกที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการค้าโลกปีนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นตามการคาดการณ์ของธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
"การส่งออกของไทยในเดือนมี.ค.นี้ ถือว่าเติบโตสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย 5 ปี และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเป็นส่วนใหญ่ตลอดทั้งปี...นอกจากนี้มูลค่าการค้าของไทยยังถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก"น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว
โดยการส่งออกไปยังตลาดหลัก (สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, สหภาพยุโรป) ขยายตัว 10.5% ส่วนตลาดศักยภาพสูง (อาเซียน, CLMV, จีน, เอเชียใต้) ขยายตัว 14.5% ขณะที่ตลาดศักยภาพรอง (ออสเตรเลีย, ตะวันออกกลาง) หดตัว 1.0%
ส่วนการนำเข้าในเดือนมี.ค.60 ที่ขยายตัวสูงถึง 19.3% นั้น พบว่ามีการขยายตัวสูงจากการนำเข้าในส่วนของสินค้าทุน ตลอดจนวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูปเพื่อนำมาผลิตเป็นสินค้าส่งออก ซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มการส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มที่ดี และในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ในระดับที่แข็งค่านั้น ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการจะใช้ช่วงจังหวะนี้ในการนำเข้าสินค้าทุน ตลอดจนวัตถุดิบในการผลิตเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูกลง รวมทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของผู้ประกอบการเองด้วย
"ผู้ประกอบการควรใช้โอกาสที่บาทแข็งค่านี้ นำเข้าสินค้าทุน ตลอดจนเครื่องจักร และวัตถุดิบในการผลิตต่างๆ มาใช้เพื่อช่วยเพิ่ม productivity" น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
พร้อมระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะสามารถเติบโตได้ 5% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งกระทรวงฯ จะเร่งดำเนินการทุกรูปแบบเพื่อให้การส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้มากที่สุด
ทั้งนี้ การส่งออกตามเป้าหมายที่ 5% อยู่บนสมมติฐานภายใต้อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 35.50-37.50 บาท/ดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยที่ระดับ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ จับตา 16 ประเทศที่มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ นั้น ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้มีการนัดประชุมร่วมกับภาคเอกชนรวมทั้งภาครัฐจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมรับมือกับผลกระทบทางการค้าที่อาจจะเกิดขึ้น และในกลางสัปดาห์นี้ปลัดกระทรวงพาณิชย์จะนัดประชุมเพื่อเตรียมรวบรวมข้อมูลอีกครั้ง อย่างไรก็ดี แนวทางหนึ่งที่ไทยพอจะใช้รับมือกับมาตรการที่สหรัฐจะนำออกมาใช้ในการกีดกันทางการค้า คือ ไทยจะต้องเร่งขยายการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ให้มากขึ้น โดยไม่หวังพึ่งพาเพียงแต่ตลาดสหรัฐฯ เท่านั้น
"เราจะต้องขยายตลาดส่งออกไปตลาดอื่นๆ มากขึ้น ไม่พึ่งพาตลาดสหรัฐ หรือตลาดเก่าๆ ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วไม่ว่าทรัปม์จะออกมาตรการมาในรูปแบบไหน" น.ส.พิมพ์ชนกระบุ
อินโฟเควสท์
พาณิชย์ เผยส่งออกมี.ค.60 โต 9.2% - นำเข้าโต 19.3% รับตลาดจีนและเอเชียสดใส พร้อมคงเป้าส่งออกทั้งปีโต 5%
พาณิชย์เผยส่งออกมี.ค.60 ขยายตัว 9.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วน Q1/60 โต 4.9% สูงสุดในรอบ 4 ปี รับตลาดจีน-เอเชียสดใส พร้อมคงเป้าส่งออกทั้งปีโต 5% ด้านนำเข้าขยายตัว 19.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนดุลการค้าเกินดุล 1,617 ล้านดอลล์ พร้อมจับตานโยบายกีดกันการค้าสหรัฐ- การเมืองยุโรป -ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออก ด้านค่าเงินบาทปีนี้คงคาดการณ์ที่ 35.5-37.5 บ./ดอลล์
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวการณ์นำเข้า-ส่งออก และดุลการค้า ประจำเดือนมีนาคม 2560 ว่า ในเดือนมีนาคม 2560 ส่งออกมีมูลค่า 20,888 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวได้ 9.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 1/2560 ส่งออกมีมูลค่า 56,456 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 4.9% สูงสุดในรอบ 17 ไตรมาส หรือในรอบกว่า 4 ปี
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่า ตลาดส่งออกของไทย โดยเฉพาะตลาดจีนที่ขยายตัวได้ถึง 47.6% ขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีที่กระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนินนโยบายและขยายการส่งออกไปยังจีนมากขึ้น ด้านตลาดเอเชียใต้ขยายตัวได้ 19.1% ตลาดCLMV ขยายตัวได้ 18.1%
“จากตัวเลขทั้งหมด เห็นว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนมีนาคม ปรับตัวสูงขึ้นกว่าเกณฑ์เฉลี่ย 5 ปี และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเป็นส่วนใหญ่ตลอดทั้งปี” นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว
ด้านนำเข้ามีมูลค่า 19,271 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 19.3% ด้านไตรมาส 1/2560 มีมูล่คา 52,404 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.8% ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนมีนาคมเกินดุล 1,617 ล้านดอลลาร์ และไตรมาส 1/2560 เกินดุล 4,505 ล้านดอลลาร์
สำหรับ แนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 2560 มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 5% โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าเกษตร และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้นด้วย ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าสำคัญล้วนมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง ทั้งจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคต่างๆ ความไม่ชัดเจนของนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐ ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหภาพยุโรป รวมทั้งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าโลก รวมถึงการส่งออกไทยในระยะต่อไป
โดยในปีนี้กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์ค่าเงินบาททั้งปีอยู่ที่ 35.5-37.5 บาทต่อดอลลาร์ ในขณะที่ราคาน้ำมันน่าจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้าอยู่ในกรอบที่ 50-60 ดอลลาร์ต่อบาเรล โดยกระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนินการทุกรูปแบบ เพื่อให้การส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายมากที่สุด
“ในเรื่องของนโยบายของสหรัฐนั้น ในช่วงที่ผ่านมาเราได้หารือกับภาคเอกชนไว้บ้างแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูล การหามาตรการรองรับ แต่ยืนยันว่า เราไม่ได้กังวล เพราะขณะนี้ภาครัฐ พยายามผลักดันเพื่อลดความกังวล โดยเฉพาะการเร่งการส่งออก การขยายตลาดไปยังกลุ่มต่างๆที่นอกเหนือจากตลาดเดิมๆ เช่น สหรัฐ เป็นต้น”นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย