- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 29 January 2017 22:09
- Hits: 9397
พาณิชย์ เผย ส่งออกปี 59 ขยายตัว 0.45% เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 4 ปี ส่วนปี60 คาดโต 2.5-3.5%
พาณิชย์ เผยส่งออก ธ.ค.59 ขยายตัว 6.2% ขณะที่นำเข้าขยายตัว 10.3% ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนธ.ค.เกินดุล 938 ล้านดอลลาร์ ส่วนทั้งปี 2559 ส่งออกขยายตัว 0.45% เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 4 ปี แต่นำเข้ายังติดลบ 3.9% ขณะที่ทั้งปี 2559 เกินดุล 20,659 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รับอานิสงส์ ทองคำ ยานยนต์ เครื่องปรับอากาศ ผลไม้แปรรูป และแผงโซลาร์เซลล์ สดใส ส่วนปี 60 คาดส่งออกขยายตัว 2.5-3.5%
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการส่งออกของไทยในเดือนธันวาคม 2559 ขยายตัว 6.2% ขณะที่นำเข้าขยายตัว 10.3% ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนธ.ค.เกินดุล 938 ล้านดอลลาร์ ส่วนทั้งปี 2559 ส่งออกขยายตัว 0.45% เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 4 ปี แต่นำเข้ายังติดลบ 3.9% ขณะที่ทั้งปี 2559 เกินดุล 20,659 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ส่วนในปี 2560 กระทรวงคาดว่า การส่งออกจะขยายตัว 2.5-3.5% หลังปี 2559 ตัวเลขออกมาดี ปัจจัยหนุนจากราคาสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรม และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นแรงหนุน
โดยจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลกในช่วงที่ผ่านมา ที่เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แม้จะผันผวนบ้างตามช่วงเวลา แต่ตัวเลขปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจสำคัญต่างปรับตัวและมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ราคาน้ำมันดิบเริ่มกลับมาทรงตัวอีกครั้ง และค่าเงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัด รวมทั้งความสามารถในการปรับตัวของผู้ส่งออกไทย ส่งผลให้การส่งออกไทยในเดือนธันวาคม 2559 ขยายตัวได้ดี โดยมีสินค้าสำคัญที่เป็นตัวผลักดันการส่งออกในเดือนนี้ ได้แก่ ทองคำ ยางและผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำตาลทราย ในขณะที่ตลาดส่งออกสำคัญของไทยยังขยายตัวได้ดีในเกือบทุกตลาด ยกเว้น ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และออสเตรเลีย
ปี 2559 การส่งออกของไทยมีมูลค่า 2.15 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 0.45 สูงที่สุดในรอบ 4 ปี และสูงเป็นอันดับที่ 8 ของโลก (จาก 30 ประเทศแรกที่มีสัดส่วนส่งออกสูงสุด) อันดับ 4 ของเอเชีย และอันดับ 2 ของอาเซียน ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่หดตัวร้อยละ 3.1 และส่วนใหญ่หดตัว โดยเฉพาะ จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่หดตัวร้อยละ 6.4 5.9 7.0 และ 12.0 ตามลำดับ โดยสินค้าสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกไทยขยายตัว ได้แก่ ทองคำ ยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศ ผลไม้แปรรูป และแผงโซลาร์เซลล์
ในขณะที่ตลาดส่งออกส่วนใหญ่ยังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป สะท้อนว่า การส่งออกของไทยในช่วงที่ผ่านมาสามารถปรับตัวได้ดีและยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงชะลอตัวและอุปสงค์โลกยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และเชื่อว่าการส่งออกไทยจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ตามศักยภาพที่ร้อยละ 5.0 เมื่อสถานการณ์โลกปรับตัวกลับเข้าสู่ปกติในระยะต่อไป
ด้านการนำเข้าทั้งปี 2559 มีมูลค่า 1.95 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงร้อยละ 3.94 ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้ารวม 2.07 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นการเกินดุลการค้าที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับ แนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 2560 คาดว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน และมีโอกาสขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นแบบช้าๆ ส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสำคัญ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ ทิศทางค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าแบบค่อยเป็นค่อยไป จะช่วยสนับสนุนให้การส่งออกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เป็นไปอย่างล่าช้า อีกทั้งความไม่ชัดเจนของนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการค้าโลกในระยะต่อไป โดยรวม คาดว่า ค่าเงินบาททั้งปี 2560 จะอยู่ในช่วง 35.5-37.5 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่ราคาน้ำมันน่าจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆ ไปอยู่ในกรอบ 50.0-60.0 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล ซึ่งจะทำให้การส่งออกของไทยในปี 2560 ขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 2.5-3.5 โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ จะติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องต่อไป
พาณิชย์ แนะผู้ประกอบการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน หลังนโยบายการค้าสหรัฐฯยังไม่ชัดเจน
พาณิชย์ คงประมาณการณ์ภาคส่งออกไทยจะขยายตัว 2.3-2.5% รับผลดีเศรษฐกิจโกลฟื้นตัว แนะผู้ประกอบการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน จับตานโยบายการค้าของสหรัฐฯ
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการนำเข้า-ส่งออก และดุลการค้าปี 59 ว่าในปี 60 ยังคงประมาณการณ์ว่าภาคการส่งออกไทยจะขยายตัวได้ 2.3-3.5% หรือคิดเป็นมูลค่า 220,709 - 222,863 ล้านบาท โดยจะมียอดส่งออกต่อเดือนอยู่ที่ 18,392-18,571 ล้านบาทต่อเดือน โดยปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนคือเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในกรอบ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
กรณีสหรัฐฯแต่งตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ โดยในด้านนโยบายถือว่ามีทั้งโอกาสและความเสี่ยง เช่น ปัจจัยบอกคือการยกเลิกข้อตกลงการค้า TPP ทำให้ไทยเสียเปรียบน้อยลงพอสมควร และหากสหรัฐฯพุ่งเป้ากีดกันทางการค้ากับจีนอาจทำให้จีนตัดสินใจปรับค่าเงินหยวน ซึ่งหากเงินหยวนแข็งค่าขึ้นจึงเป็นโอกาสของไทยพอสมควรอีกด้วย อีกทั้งจีนอาจเลือกหาตลาดใหม่นอกจากสหรัฐฯ จะทำให้เอเชียและอาเซียนได้รับความสนใจมากขึ้นด้วย
ส่วนปัจจัยเชิงลบจากสหรัฐฯคือความไม่แน่นอนด้านการค้าโลก เพราะทิศทางขณะนี้ยังไม่ชัดเจน ซึ่งหากสหรัฐฯใช้มาตรการขึ้นภาษีสินค้าบางชนิดเพื่อกีดกันทางการค้า อาจเป็นการขึ้นไม่เฉพาะจีน แต่อาจส่งผลกระทบต่อหลายประเทศ ซึ่งขณะนี้กระทรวงอยู่ระหว่างการศึกษาว่าหากเกิดกรณีดังกล่าวจะกระทบต่อสินค้าประเภทใดบ้าง เบื้องต้น คือเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงนี้ เพื่อรอจับตานโยบายการค้าของสหรัฐฯด้วย
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
พาณิชย์ฯ จัดงาน ‘พาณิชย์ 4.0 สู่โลกการค้ายุคใหม่’ เปิดตัวสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ ปั้นผู้ประกอบการไทยสู่ Smart SMEs ยกระดับเศรษฐกิจประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเตรียมจัดงาน “พาณิชย์ 4.0 สู่โลกการค้ายุคใหม่” เพื่อเปิดตัวสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy : NEA) หวังเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้หลักสูตรการพัฒนาและอบรมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสู่การเป็นสมาร์ท เอสเอ็มอี (Smart SMEs) ตามนโยบายของรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน โดยการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก และเชื่อมโยงเศรษฐกิจภายในประเทศกับเศรษฐกิจโลก เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยนำ ระบบเทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยสร้างคุณค่าให้กับสินค้าและบริการ ขยาย ช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ
และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีการค้าโลก โดยมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยปาฐกถาพิเศษเรื่อง’New Start’ ผู้ประกอบการ SMEs ในโลกการค้ายุคใหม่ โดยนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมการบรรยายให้ความรู้และการเสวนาในหัวข้อต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อ การดำเนินธุรกิจในโลกการค้ายุคใหม่ เช่น เรื่อง SMEs 4.0 เจาะโลกการค้าออนไลน์ เถ้าแก่ยุคดิจิทัลแชร์จริงไม่มีกั๊ก
และเคล็ดไม่ลับสู่ความสำเร็จจาก Local to Global พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานสมัครเข้ารับการอบรม หลักสูตรต่างๆ ของทางสถาบัน NEA ได้ภายในงาน ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม 2560 เวลา 9.45-17.00 น. ณ ห้อง Convention Center A2 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ทั้งนี้ ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถสมัครเข้าร่วมงานฟรีได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 23 มกราคม 2560 ที่ www.nea.ditp.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 083-685-7112, 02-507-8131 ต่อ 8109, 8466
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย