- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 07 January 2017 13:50
- Hits: 17044
พาณิชย์ เล็งผลักดันส่งออกสมุนไพร-ผักออแกนิก-ข้าวไรซ์เบอร์รี่เจาะตลาดฮ่องกง
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ มีแผนผลักดันการส่งออกสินค้าประเภทสมุนไพร ผักออแกนิก ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีโอกาสและมีศักยภาพในตลาดฮ่องกง หลังจากผลการสำรวจในปี 2016 โดยนิตยสาร Foodpanda พบว่าเทรนด์ร้านอาหารเปิดใหม่และเมนูใหม่ๆ ที่ได้รับความนิยมในช่วงปีที่ผ่านมา จะเป็นสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ ที่บริโภคแป้งน้อยลง และหันมาบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพและควบคุมน้ำหนักแทน เช่น ผักออแกนิก
"ปัจจุบันไทยผลิตสินค้าออแกนนิกได้หลากหลายชนิด ทั้งสมุนไพร ผักสด รวมถึงข้าว โดยเฉพาะข้าวไรซ์เบอร์รี่ น่าจะมีโอกาสมาก เพราะถือเป็นข้าวคุณภาพดี และสามารถจับกลุ่มผู้บริโภคที่ใสใจสุขภาพได้ ซึ่งกระทรวงฯ จะมีการผลักดันเข้าสู่ตลาดฮ่องกงต่อไป" นางอภิรดี กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะเร่งการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้มีการประยุกต์เมนูอาหารไทยเข้ากับอาหารนานาชาติ เพื่อขยายช่องทางและโอกาสของเมนูอาหารให้มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น เพราะขณะนี้ ร้านอาหารในฮ่องกงได้มีการประยุกต์เมนูอาหารจีนกับอาหารชาติอื่นๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาหารจากอาเซียนซึ่งกำลังเป็นที่นิยม ไทยจึงมีโอกาสอีกมาก และหากผลักดันได้ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกวัตถุดิบปรุงอาหารได้อีกมาก
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง ทำการสนับสนุนให้มีการว่าจ้างพ่อครัวแม่ครัวจากไทย เข้าไปประกอบอาชีพในฮ่องกง เนื่องจากตลาดฮ่องกงมีความต้องการมาก เพราะร้านอาหารดังๆ ในฮ่องกง มักจะใช้พ่อครัวแม่ครัวจากต่างประเทศเป็นจุดขาย ซึ่งจะช่วยให้ไทยมีรายได้จากการส่งออกภาคบริการ และช่วยส่งเสริมให้นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกเกิดความสำเร็จ
ทั้งนี้ ล่าสุดได้รับแจ้งจากทางทูตพาณิชย์ฮ่องกงว่า ในปี 2560 มีแผนจะทำการประชาสัมพันธ์โครงการ Kitchen to the World โดยจะมีการสาธิตการประกอบอาหารไทยโดยพ่อครัวชาวไทย เพื่อให้ชาวฮ่องกงได้รับรู้ถึงวัตถุดิบ ขั้นตอนการปรุงอาหารที่ถูกต้อง ตลอดจนวิธีการทานอาหารต้นตำรับไทยแบบแท้จริง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่ออาหารไทย และกระตุ้นให้เกิดการบริโภคอาหารไทยเพิ่มขึ้น
อินโฟเควสท์
พาณิชย์ เตรียมจัดทำคลังข้อมูลช่วยเกษตรกรวางแผนการตลาดครบวงจรด้วยตัวเอง
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากการลงพื้นที่พบกลุ่มเกษตรกรจะพบว่านอกจากพ่อค้าคนกลาง หรือผู้ส่งออกรายเดิมๆ แล้ว ขณะที่เกษตรกรอยากได้ช่องทางอื่นที่จะกระจายสินค้า ที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้เข้าไปช่วยเกษตรกรในการให้ความรู้ด้านการตลาด การเชื่อมโยงตลาด โดยการขายข้ามภาคไปยังแหล่งที่มีความต้องการ เช่น ขายข้าวจากภาคอิสานไปภาคใต้ หรือขายผลไม้ไปยังจังหวัดที่ไม่มีผลผลิต ล่าสุดได้มีการนำทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน e-Commerce ลงพื้นที่จังหวัดยโสธร ชัยนาท ให้ความรู้ด้านการทำการค้า Online ทำให้สามารถนำข้าวออแกนนิคขายผ่านเว็บไซต์ www.thaitrade.com ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีมาก ช่วยลดการกระจุกตัวของสินค้าเกษตรลงไปได้ แต่ก็เป็นการช่วยเป็นครั้งๆ ไป
ในปีนี้กระทรวงฯ จะยกระดับการดำเนินการในลักษณะการบูรณาการข้อมูล ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อวางแผนการตลาดครบวงจรที่เรียกว่า คลังข้อมูล Big Data ซึ่งผู้บริหารกระทรวงฯ สามารถติดตามสถานการณ์ วางแผนการตลาดหรือมาตรการต่างๆ ล่วงหน้าก่อนฤดูกาลได้ทันทีผ่านห้อง War Room ทั้งนี้ในเบื้องต้นจะเริ่มจากข้อมูลใน 5 ส่วน ดังนี้
1. ข้อมูลสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์ม พืชหัว ผลไม้ เป็นการรวบรวมข้อมูลด้านแหล่งผลิต ปริมาณผลผลิต ราคาสินค้า ช่วงฤดูกาลสินค้า ผู้ประกอบการ ในพื้นที่ กระดาน ใครอยากซื้อ...ใครอยากขาย เพื่อจะให้ผู้ต้องการซื้อได้มีโอกาสติดต่อกับเกษตรกรซึ่งอยู่กันคนละภาค โดยจะให้สำนักงานพาณิชย์เป็นผู้รวบรวมข้อมูลส่งมาประมวลที่ส่วนกลาง
2. ข้อมูลสถิติการค้าระหว่างประเทศ
3. ข้อมูลเตือนภัยล่วงหน้า เช่น สินค้าขาดแคลนหรือล้นตลาด รวมทั้งความเคลื่อนไหวของราคาสินค้า
4. ข้อมูลเกี่ยวกับค่าครองชีพ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น
5. การบริหารจัดการโควต้า
ทั้งนี้ ในอนาคตกระทรวงฯ จะผลักดันให้มีการดำเนินงานในลักษณะ Paperless ให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการดำเนินการแล้ว เช่น ในเรื่องการออกใบอนุญาต การขอขึ้นทะเบียน GI และในไตรมาสแรกของปี 2560 จะได้เห็นระบบ e-Registration ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอย่างแน่นอน
รมวงพาริชย์ กล่าวว่า โครงการ Big Data จะเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันการวางแผนการตลาดให้มีประสิทธิภาพ และช่วยแก้ปัญหาการตลาดสินค้าเกษตรครบวงจร ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากส่วนต่างๆ
อินโฟเควสท์