- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 07 January 2017 13:45
- Hits: 17203
พาณิชย์ แนะร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ ปรับตัวรับพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ในสหรัฐฯ สำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารของกลุ่มผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ กลุ่มต่างๆ ว่ามีแนวโน้มการบริโภคอาหารอย่างไร และรูปแบบการทำอาหารจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ทั้งรูปแบบการทำอาหาร วัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหาร เพื่อนำมาวางแผนในการทำตลาดให้กับร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ เพื่อให้โครงการครัวไทยสู่ครัวโลกยังคงเดินหน้าต่อไปได้
โดยผลการสำรวจ พบว่า กลุ่มผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่เป็นกลุ่ม Millennials และกลุ่ม Generation Y ซึ่งมีอายุ 18-34 ปี จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศ หรือมีจำนวนประมาณ 75.4 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้บริโภคกลุ่ม Baby Boomers อายุ 51-69 ปี ซึ่งมีจำนวน 74.9 ล้านคน ในขณะที่กลุ่มผู้บริโภค Generation X อายุ 35-50 ปี ปัจจุบันเป็นอันดับที่ 3 แต่คาดว่าภายในปี 2571 จะก้าวขึ้นขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ดังนั้น พฤติกรรมการบริโภคของกลุ่ม Millennials จะเป็นกลุ่มสำคัญต่อตลาดธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ซึ่งวงการอาหารจะต้องนำเสนออาหารที่ถูกปากและรสนิยมของคนกลุ่มนี้
"กลุ่ม Millennials มีความเด่นชัดในเรื่องกระแสรักษ์โลก การบริโภคแบบยั่งยืน หรือการใช้วัตถุดิบ ใช้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความต้องการทดลองอาหารใหม่ๆ และอาหารต่างชาติเพิ่มมากขึ้น หากร้านอาหารไทยไม่ปรับตัว หรือพัฒนาเมนูอาหารให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคของคนกลุ่มนี้ ก็จะกระทบต่อการทำธุรกิจร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ ได้ และยังจะส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงการขยายโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกได้ด้วย" นางอภิรดี กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ลงพื้นที่ไปให้คำแนะนำแก่ร้านอาหารไทย และผลักดันให้มีการพัฒนาเมนูอาหาร และประยุกต์การทำอาหารไทยให้สอดคล้องกับกระแสความต้องการของตลาด เพื่อให้ธุรกิจร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ และยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคสหรัฐฯ เพราะสามารถปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที
สำหรับ แนวคิดการทำอาหารที่มาแรงในปี 2560 เช่น การใช้ผักสดที่ปลูกเอง เช่น บนหลังคาร้าน หรือปลูกในอาคารด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์, ร้านอาหารแบบเร่งด่วน จะเน้นความสด คุณภาพดี, ใช้ส่วนผสมวัตถุดิบอาหารแบบธรรมชาติ, ใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการกับเศษอาหาร, การใช้ผัก ผลไม้ที่หาได้จากฟาร์มท้องถิ่น ซึ่งได้ความสดและแหล่งที่มา, การใช้อาหารทะเลและเนื้อสัตว์ในท้องถิ่น, การลดจำนวนขยะที่เกิดจากเศษอาหารโดยลดสัดส่วนอาหารที่เสิร์ฟให้ลูกค้าเล็กลง, บริการอาหารชุดที่เตรียมวัตถุดิบให้ลูกค้าไปปรุงเองที่บ้าน, การปรุงอาหารด้วยความเรียบง่าย และอาหารเพื่อสุขภาพมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ มีผักมาก และมีธัญพืชประกอบ
ส่วนเมนูอาหารสำหรับปี 2560 จะเน้นการใช้เนื้อวัวจากส่วนใหม่ๆ เช่น เนื้อส่วน shoulder tender, oyster steak , Vegas Strip Steak, เพิ่มเมนู Street Food เช่น เทมปุระ เกี้ยว, เมนูอาหารเด็กเพื่อสุขภาพ เช่น สลัด ผลไม้ ธัญพืช, เมนูที่ใช้เนื้อหมูทำเอง เช่น ไส้กรอก แฮม, เมนูอาหารทะเลที่รู้ที่มา, เมนูอาหารที่เกิดจากแรงบันดาลใจจากอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ เช่น การใช้ Asian-flovored syrups, burito breakfast, การใช้เครื่องปรุงรสที่ทำขึ้นเอง เช่น ซอสศรีราชา ซอสมะเขือเทศ มัสตาร์ด, เมนูอาหาร/รสชาติขึ้นชื่อของครัวชาติอื่นๆ, การใช้ผัก ผลไม้ ที่มีการเพาะปลูกแบบพืชผักสวนครัว เช่น มะเขือเทศ ถั่ว และเมนูอาหารสไตล์แอฟริกา ซึ่งอุดมด้วยธัญญพืช ถั่ว ผัก และเครื่องสมุนไพรพื้นเมือง
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มรสชาติอาหารสำหรับปี 2560 ได้แก่ Authentic Ethnic Cuisine, African Flavors, Ethnic Fusion Cuisine, Middle Eastern Flavors และ Latin America ส่วนอาหารจานเด่น ได้แก่ อาหารข้างทาง Street Food, Charcuterie ที่ทำเอง, อาหารเสิร์ฟด้วยผักแทนคาร์โบไฮเดรต, Seafood Charcuterie และก๋วยเตี๋ยวเฝอ (Pho) ของเวียดนาม
อินโฟเควสท์