WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCอภรด ตนตราภรณ copy copyพาณิชย์ มั่นใจส่งออกปี 60 เริ่มฟื้น เร่งผลักดันเครื่องจักรขับเคลื่อนศก.ทุกตัว-ขยายตลาดใหม่

      นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 60 ว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 59 ได้อย่างแน่นอน เพราะเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะเครื่องจักรที่อยู่ในการดูแลและรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ทุกตัวจะมีการขับเคลื่อนได้ดีกว่าปีนี้

      ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ประเมินในเบื้องต้นว่า ในปี 60 มีแนวโน้มที่การส่งออกจะขยายตัวได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3% โดยอาจจะเติบโตถึง 3.5% เพราะในปี 60 มีแผนจะเจรจาขยายตลาดโดยใช้ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ (Strategic Partnership) เจรจาเปิดตลาดการค้าการลงทุนกับประเทศเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ปี 59 ได้เจรจากับจีนและอินเดียไปแล้ว และยังมีแผนที่จะขยายตลาดใหม่ที่มีโอกาสโดยลงลึกเป็นรายเมืองมากขึ้น

      “ประเมินว่า การส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงต้นปี 60 เป็นต้นไป เพราะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น เศรษฐกิจคู่ค้าก็ดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่ส่งออกน้ำมัน ที่แรงซื้อจะกลับมา ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้น จะยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การส่งออกของไทยดีขึ้น" รมว.พาณิชย์ กล่าว

     ในด้านการดูแลราคาสินค้าเกษตร ราคาสินค้า และค่าครองชีพ กระทรวงพาณิชย์จัดทำแผนติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญทุกรายการ ทั้งการติดตามปริมาณผลผลิตที่จะออกตามฤดูกาล การประสานติดต่อเพื่อหาตลาดรองรับผลผลิต และหากจำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำก็จะพิจารณามาตรการออกมาใช้อย่างเหมาะสม

   สถานการณ์สินค้าเกษตรขณะนี้ ส่วนใหญ่มีราคาปรับตัวสูงขึ้น ทั้งข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง โดยคาดว่าแนวโน้มราคาจะยิ่งปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน จากการวิเคราะห์ก็ไม่พบว่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าในภาพรวม ยกเว้นสินค้าที่ใช้แรงงานมาก เช่น เสื้อผ้า แต่ก็กระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เกิน 1 บาท กระทรวงพาณิชย์มีแผนจะผลักดันให้เกิดการซื้อขายและเพิ่มแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในระดับฐานราก โดยสนับสนุนตลาดต้องชมหมู่บ้านทำมาค้าขาย และตลาดกลางสินค้าเกษตร รวมทั้งสนับสนุนเกษตรกรเข้าสู่ช่องทางตลาดใหม่ๆ เช่น อีคอมเมิร์ซ

     ในด้านการต่างประเทศ ในช่วงการดำเนินงานที่ผ่านมาของรัฐบาล ประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับนานาประเทศ เช่น ในเวทีระหว่างประเทศ นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ และเป็นประธานการประชุมกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา หรือ G77 ตลอดจนเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ในฐานะประธานกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาด้วย

   สำหรับ ความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา มีการเยือนระหว่างคณะผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของสองประเทศอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ตามคำเชิญของประธานาธิบดีโอบามา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เดินทางไปเข้าร่วมกิจกรรม ASEAN Economic Ministers (AEM) Roadshow to U.S. เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ได้พบปะผู้นำทางธุรกิจหลายราย โดยเฉพาะสภาธุรกิจสหรัฐฯ ก็มีการพบปะกับนายกรัฐมนตรีเป็นประจำ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา (TIFA JC) ที่สหรัฐอเมริกา ในเดือน เม.ย.59 ซึ่งเป็นการประชุม TIFA JC ในระดับรัฐมนตรีครั้งแรกนับจากที่ว่างเว้นมานานถึง 13 ปี และมีผลเป็นรูปธรรมในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจการเงิน เพื่อรองรับการเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย

     นอกจากนั้น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะเยือนประเทศคู่ค้าสำคัญ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ในการเยือนญี่ปุ่นของรองนายกฯ (พ.ย.58) มีการจัดทำข้อตกลงทางธุรกิจระหว่างภาคเอกชนไทยและญี่ปุ่น คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายที่เกิดขึ้นในปี 59 ประมาณ 2,250 ล้านบาท และสาธารณรัฐเกาหลี (มี.ค.59) มีมูลค่าการสั่งซื้อทันที 10 ล้านบาท และคาดการณ์สั่งซื้อภายใน 1 ปี มูลค่า 300 ล้านบาท สำหรับญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญกับไทยในฐานะศูนย์กลางการพัฒนาบุคลากรในภูมิภาค โดยเน้นพัฒนาบุคลากรด้านเทคนิค การทำวิจัยและพัฒนา ตลอดจนนวัตกรรมสำหรับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วในขณะนี้

       ส่วนตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ได้แก่ รัสเซีย อิหร่าน โอมาน และศรีลังกา ก็ได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับผู้นำและรองนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการเยือนรัสเซียของนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้เริ่มเจรจาเขตการค้าเสรีกับกล่มยูเรเซีย ซึ่งประกอบด้วยรัสเซีย คาซัคสถาน เบลารุส คีร์กีซสถาน และอาร์เมเนีย

พาณิชย์ เผยปี 60 เตรียมเปิด MOC Business Solution Center ช่วยผู้ประกอบการแก้ปัญหาติดขัดด้านการค้า

     นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปีหน้าเตรียมเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ หรือ MOC Business Solution Center เพื่อช่วยเหลือและเป็นพี่เลี้ยงให้ผู้ประกอบการ รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อติดขัด เพื่อให้สามารถทำธุรกิจได้ โดยจะเน้นการบูรณาการงานในกระทรวงและนอกกระทรวง รวมทั้งการนำนโยบายประชารัฐมาช่วยสนับสนุนงาน เป้าหมายสำคัญ คือ กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ในหลายๆ กลุ่ม ยกตัวอย่างกลุ่มที่จะช่วย เช่น ผู้ประกอบการที่มีความคิดสร้างสรรค์แต่ไม่มีช่องทาง หรือกลุ่มที่มีความพร้อมแล้วแต่ไม่มีตลาดรองรับ รวมทั้งกลุ่มเกษตรกรที่มีความพร้อมในการทำการตลาด โดยกระทรวงจะเร่งสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการเน้นการให้ความรู้ด้านการตลาด รสนิยม เงื่อนไข และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการจัดทำ Business Module /Business Plan ผู้ประกอบการรายใดขาดเทคโนโลยีหรือเงินลงทุน

    กระทรวงฯ จะช่วยเป็นผู้เชื่อมโยงกับแหล่งเทคโนโลยีหรือแหล่งเงินทุนให้ รวมทั้งช่วยเป็นพี่เลี้ยงในการทำการค้า on line ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มี Platform คือ thaitrade.com ที่เชื่อมโยงกับ Website สากลอยู่แล้ว" นางอภิรดี กล่าว

     รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ถึงแม้ในปี 2560 ทิศทางการค้าต่างประเทศของไทยมีแนวโน้มดีขึ้นตลาดสำคัญหลายตลาดเริ่มฟื้นตัว เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ยังมีความเสี่ยงจากหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจโลกที่ยังการฟื้นตัวเป็นไปอย่างล่าช้า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้ซื้อและช่องทางการจำหน่าย ดังนั้นผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมความพร้อม และสร้างศักยภาพทางธุรกิจ ซึ่งหากรายใดมีความสามารถในการแข่งขันก็จะสามารถนำพาธุรกิจออกสู่ตลาดโลกได้

     สำหรับ กลุ่มเกษตรกร กระทรวงฯ พาณิชย์จะใช้นโยบายการตลาดนำการผลิต ดังนั้น เกษตรกรจึงจำเป็นต้องรู้ความต้องการของตลาด แนวโน้มราคาสินค้า พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อที่จะได้ผลิตสินค้าที่ดีให้กับผู้ส่งออก รวมทั้งหากมีความพร้อมจะขายเองบ้างก็สามารถทำได้ ยกตัวอย่างกลุ่มเกษตรกรขายข้าวอินทรีย์ในจังหวัดยโสธร กระทรวงฯ ได้เข้าไปช่วยให้ความรู้ด้านการตลาด ช่องทางการจำหน่าย การบริหารจัดการที่จำเป็น จนขณะนี้สามารถนำสินค้าข้าวอินทรีย์ขึ้น website thaitrade.com ได้แล้ว

     ทั้งนี้ บริการของกระทรวงฯ จะมีความพิเศษ คือ ช่วยให้ผู้ประกอบการผลิตแล้วขายได้ กระทรวงฯ มีเครือข่ายหน่วยงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 65 ประเทศทั่วโลก มีองค์ความรู้ด้านการตลาดสามารถช่วยเอกชนจับคู่ทางธุรกิจได้โดยจะเน้น B2B เป็นหลัก ในกิจกรรมทางการค้าต่างๆ ที่กระทรวงฯ จัด จะมีการทำนัดหมายล่วงหน้าและมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

      ศูนย์ MOC Business Solution Center นี้จะให้บริการภายใต้ส่วนบริการ One Stop Service ชั้น 1 ของกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้ศูนย์ MOC Business Solution จะมีบริการต่างๆ ประกอบด้วย

               1. ศูนย์บริการด้านนวัตกรรม (Innovation Driven Enterprise หรือ IDE) ให้คำปรึกษาโดย กรมทรัพย์สินทางปัญญา

               2. ศูนย์ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ (Business Advisory Service หรือ BAS) ให้คำปรึกษาโดย  กรมพัฒนาธุรกิจ

               3. New Economy Academy โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

               4. National Trade Repository โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นคลังข้อมูลเกี่ยวกับพิกัดศุลกากร อัตราศุลกากรภายใต้ข้อตกลง กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า กฎระเบียบ มาตรการ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

    "เชื่อมั่นว่าศูนย์ MOC Business Solution นี้จะช่วยผู้ประกอบการให้ก้าวผ่านปัญหาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคทางการค้าได้ และขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมภายใต้โครงการนี้ คือ งาน Start to Smart from Pain to Gain ที่จะเปิดตัว ในระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ 2560 นี้ ที่รอยัลพารากอนฮอลล์ 1-3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยจะมีบริการครบวงจรให้ผู้ประกอบการได้ใช้บริการ"นางอภิรดี กล่าว

         อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!