WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCอภรด ตนตราภรณก.พาณิชย์ระบุข้าวหอมมะลิไทยครองแชมป์ข้าวดีเด่นที่สุดในโลกปี 59 จับจังหวะเตรียมโรดโชว์ทั่วโลก หวังกระตุ้นตลาดข้าวไทยคาดส่งออกปีนี้ 10.5 ล้านตัน คาดว่าการส่งออกข้าวไทยในปี 2559 จะบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10.5 ล้านตันอย่างแน่นอน

  ก.พาณิชย์ ฉวยจังหวะข้าวหอมมะลิไทยได้แชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลก เตรียมจัดโรดโชว์โปรโมตข้าวไทยเต็มที่หวังกระตุ้นให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้า สั่งซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้น โพกัสตลาดเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลางและอเมริกาก่อนจัดงานใหญ่ไทยแลนด์ ไรซ์ คอนเวนชั่น เดือน พ.ค. 60 กระตุ้นตลาดข้าวไทยอีกรอบ หวังกระตุ้นตลาดข้าวไทยคาดส่งออกปีนี้ 10.5 ล้านตัน

 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงาน "THAI HOM MALI RICE - The Best Rice of the World" ที่โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย จัดงานฉลองความสำเร็จที่ข้าวหอมมะลิไทยได้รับรางวัลชนะเลิศประกวดข้าวดีเด่นปี 2559ที่จัดโดยนิตยสาร The Rice Trader ซึ่งเป็นองค์กรต่างประเทศที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมข้าวโลก โดยสามารถเอาชนะข้าวจากแคลโรสจากสหรัฐฯ และข้าวผกาลำดวนจากกัมพูชา ซึ่งได้อันดับ 2 และ 3 ถือเป็นการทวงตำแหน่งแชมป์กลับคืนหลังจากที่ข้าวไทยเคยคว้ารางวัลได้ในการประกวดครั้งที่ 1 ณ เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ในปี 2552 ครั้งที่ 2 ณ จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ในปี 2553 และครั้งที่ 6 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา   ในปี 2557 ที่ครองแชมป์ร่วมกับกัมพูชา

     ทั้งนี้ การที่ข้าวหอมมะลิไทยได้รับรางวัลดังกล่าว ถือเป็นการตอกย้ำให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่าข้าวไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพมาตรฐานเป็นที่นิยมของผู้บริโภคในระดับนานาชาติและมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะใช้โอกาส นับจากนี้ทำการประชาสัมพันธ์ข้าวไทยให้เป็นที่ยอมรับเพิ่มมากขึ้น โดยมีแผนที่จะจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์เจาะลึกเป็นรายภูมิภาค ทั้งเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกา เพื่อกระตุ้นให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้า มีการสั่งซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้น     

  โดยในปี 2560 กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะจัดกิจกรรมขยายและเชื่อมโยงตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวโดยในภูมิภาคเอเชีย มีกำหนดเข้าร่วมงานเทศกาลอาหารนานาชาติ ที่ฮ่องกง จัดคณะผู้แทนการค้า G2G เดินทางไปเจรจา ขยายตลาดข้าวไทย ที่ฟิลิปปินส์ จีน แอฟริกาใต้ และ ไนจีเรีย การจัดประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงาน Foodex 2017 (มี.ค.60) ที่ญี่ปุ่น การจัดประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับหน่วยงานภาครัฐและผู้นำเข้าสิงคโปร์ การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงาน China-ASEAN EXPO ครั้งที่ 14 (ก.ย.60)ที่จีน รวมถึงการประชุมความร่วมมือทางการค้า ข้าวไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 14   

  ขณะที่ตลาดยุโรป มีแผนประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวอินทรีย์และเจรจาขยายตลาดข้าวไทยและการจับคู่เจรจาทางธุรกิจ (Business Matching) ในงาน Biofach 2017 (ก.พ.60) ที่เยอรมนี การส่งเสริมประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์    ข้าวไทย  ในงาน Thai Festival และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานข้าวไทย ที่เนเธอร์แลนด์ ตลาดภูมิภาคตะวันออกกลาง จะส่งเสริมประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงาน Gulfood 2017 (ก.พ.60) และการจับคู่เจรจาธุรกิจ ที่สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ และภูมิภาคอเมริกา จะจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเจรจาขยายตลาดข้าวไทยในอเมริกาเหนือและการแก้ไขปัญหาปลอมปนข้าวหอมมะลิไทยและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงาน Summer Fancy (มิ.ย.60) ที่สหรัฐฯ แคนาดา

   สำหรับกิจกรรมภายในประเทศ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการเตรียมการจัดงาน Thailand Rice Convention 2017 ระหว่างวันที่ 28-30 พ.ค. 2560 ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ โดยจะมีการเชิญคนในวงการค้าข้าวจากทั่วโลก ทั้งผู้ซื้อผู้นำเข้า นักวิชาการ สื่อมวลชน มาเข้าร่วมงาน เพื่อโปรโมตข้าวไทยชนิดต่างๆ รวมถึงข้าวคุณลักษณะพิเศษ ผลิตภัณฑ์  จากข้าวและนวัตกรรมจากข้าว ซึ่งจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับข้าวไทย และกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายข้าวไทยอีกทางหนึ่ง ส่วนกิจกรรมอื่นๆ จะทำการประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้า THAIFEX-World of Food  Asia 2017 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี การเข้าร่วมจัดนิทรรศการและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยเนื่องในโอกาสวันข้าวและชาวนาแห่งชาติประจำปี 2560 ณ กรมการข้าว การเข้าร่วมนิทรรศการและประชาสัมพันธ์  ข้าวไทยในงาน Organic & Natural Expo 2017 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นต้น รวมทั้ง การจัดโครงการ Smart Farmer Promotion online ตลาดนัดข้าวเปลือกข้าวสาร  เครือข่ายข้ามภาค        

   การส่งออกข้าวไทยตั้งแต่เดือนมกราคม พฤศจิกายน 2559 มีปริมาณ 9.33 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่มีปริมาณส่งออกอยู่ที่ 8.58 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 9 โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่   เบนิน จีน ไอวอรีโคสต์ แอฟริกาใต้ แคเมอรูน สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าการส่งออกข้าวไทย ในปี 2559 จะบรรลุ ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10.5 ล้านตัน อย่างแน่นอน

พาณิชย์ เดินหน้าผลักดันเกษตรอินทรีย์ไทย หวังให้ยโสธรเป็นจังหวัดต้นแบบครบวงจร จัดงานยโสธรออแกนิกส์แฟร์ 2016

    นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ภายหลังเป็นประธานเปิดงานยโสธรออแกนิกส์แฟร์ 2016 ที่จังหวัดยโสธรว่า กระทรวงพาณิชย์ได้สานต่อนโยบายด้านเกษตรอินทรีย์ของรัฐบาล โดยกำหนดให้มีนโยบายส่งเสริมเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรยกระดับรายได้และสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืนเล็งเห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรของประเทศ ให้ก้าวพ้นจากการติดกับดัก การขายสินค้าเกษตรโภคภัณฑ์ ซึ่งราคาต่ำและมีการแข่งขันสูง

    ประกอบกับเป็นการดำเนินงานให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลปัจจุบัน ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าและสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรจึงได้ส่งเสริมการทำการเกษตรอินทรีย์มาอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นรูปแบบการผลิตทางการเกษตรที่ผสมผสานแนวคิดยุคใหม่เจาะตลาดเฉพาะ(niche market)สำหรับผู้บริโภคปัจจุบันที่ใส่ใจการรักษาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้เกษตรกรไทยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันได้ในตลาดโลก

    จังหวัดยโสธร ถือเป็นแหล่งผลิตเกษตรอินทรีย์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ มีศักยภาพทางการผลิตเกษตรอินทรีย์ ครบวงจรทั้งข้าว ผัก ผลไม้ สัตว์น้ำ ตลอดจนปศุสัตว์ รวมทั้ง มีความเข้มแข็งของกลุ่มผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์ และมีการบูรณาการงานด้านเกษตรอินทรีย์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่การผลิตแปรรูป รวมไปถึงการตลาดสร้างมูลค่าแก่จังหวัดและประเทศจำนวนมาก นำไปสู่การกำหนดเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ภายใต้วิสัยทัศน์ ยโสธรเมืองเกษตรอินทรีย์ เมืองแห่งวิถีอีสานและได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองเกษตรอินทรีย์ต้นแบบ   ของประเทศ (ยโสธรโมเดล) ความสำเร็จนี้  มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของไทย สามารถขยายผลต่อยอดไปสู่จังหวัดใกล้เคียงและจังหวัดอื่นๆ 

   กระทรวงพาณิชย์จัดทำยุทธศาสตร์ด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ พ.. 2560-2564 ด้วยวิสัยทัศน์ ไทยเป็นผู้นำด้านการผลิต การค้าและการบริโภคสินค้าอินทรีย์ในภูมิภาคอาเซียนโดยมียุทธศาสตร์หลัก 4 ประการ ได้แก่ 1) สร้างการรับรู้ของผู้เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Awareness Raising) 2) ผลักดันมาตรฐานและระบบการรับรองเกษตรอินทรีย์ (Standardize) 3) พัฒนาและขยายตลาดสินค้าและบริการอินทรีย์ (Market Expansion) และ 4) พัฒนาและสร้างมูลค่าสินค้าและบริการอินทรีย์ (Value Creation)

    ทั้งนี้ เชื่อว่า การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยให้ไทยได้ส่วนแบ่งกลุ่มสินค้าเกษตรอินทรีย์ในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น โดยตลาดการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท และมีอัตราเติบโตประมาณร้อยละ 20 ต่อปี โดยประเทศไทยมีมูลค่าตลาดเกษตรอินทรีย์ประมาณ 2,300 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตกว่าร้อยละ 10 ต่อปี คิดเป็นการส่งออกไปต่างประเทศแล้ว ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

พาณิชย์เผยโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวสารของพาณิชย์จังหวัดสำเร็จเกินคาด พบที่จ.ร้อยเอ็ดเจรจาจับคู่ ขายข้าวกว่า 2.5 พันลบ.

     กระทรวงพาณิชย์เผยโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวสารของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสำเร็จเกินคาด ล่าสุดจังหวัดร้อยเอ็ดมีการเจรจาจับคู่ธุรกิจซื้อขายข้าวหอมมะลิกว่า 1.47 แสนตัน มูลค่ากว่า 2.5 พันล้านบาท ขณะเดียวกับที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศมีการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงข้าวสารไปจำหน่ายนอกแหล่งผลิต เชื่อมโยงการซื้อขายได้กว่า 2.37 ล้านกิโลกรัม มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท

       นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้เริ่มทยอยรายงานผลการดำเนินการเชื่อมโยงตลาดข้าวสารให้กับเกษตรกร เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกรในการจำหน่ายข้าวสาร ทั้งการจำหน่ายตรงให้กับประชาชน และผู้ประกอบการ ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมเจรจาการค้าข้าวหอมมะลิและจับคู่ธุรกิจ ในงานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก ครั้งที่ 17 ณ โรงแรมเพชรรัตน์การ์เด้น อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด

      โดยผลการดำเนินการ มีกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการค้าข้าว และภาคเอกชน เข้าร่วมประมาณ 123 ราย และมีการเจรจาค้าข้าวหอมมะลิและจับคู่ธุรกิจ โดยมีการลงนามสัญญาซื้อขายข้าวหอมมะลิ ทั้งสิ้น 26 คู่สัญญา ปริมาณ 147,855 ตัน แบ่งเป็นข้าวเปลือก 81,800 ตัน ข้าวสารหอมมะลิ 66,055 ตัน คิดเป็นมูลค่า 2,542.73 ล้านบาท

       นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานผลการดำเนินการเชื่อมโยงตลาดข้าวสารจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดต่างๆ ตั้งแต่ 1-25 พฤศจิกายน นี้  มีการเชื่อมโยงการตลาดข้าวสารได้รวม 2,378,106 กิโลกรัม มูลค่า 70,517,653 บาท

     “ผลการดำเนินการเชื่อมโยงตลาดข้าวสาร ส่งผลให้เกษตรกรสามารถมีช่องทางในการจำหน่ายข้าว ได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการค้าขายปกติ และยังส่งผลต่อเนื่องทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น ทั้งข้าวเปลือกและข้าวสาร ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งกระทรวงฯ จะยังคงเดินหน้าทำการเชื่อมโยงตลาดข้าวสารต่อไป เพื่อเพิ่มช่องทางการขายข้าวให้กับเกษตรกรนางอภิรดีกล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!