- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 26 October 2016 16:28
- Hits: 16788
ไฟเขียวต่างชาติลงทุน 17 ราย ญี่ปุ่น-สิงคโปร์-สวิตเซอร์แลนด์นำโด่ง
แนวหน้า : นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ อนุญาตให้คนต่างด้าว 17 รายประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 193 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทยเพิ่ม 98 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ๆ และความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน
ธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่ ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม 5 ราย มีเงินลงทุน 87 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และลาว, ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า 1 ราย มีเงินลงทุน 3 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากญี่ปุ่น, ธุรกิจบริการเป็นสำนักผู้แทน 6 ราย มีเงินลงทุน 18 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน, ธุรกิจค้าปลีก 5 ราย มีเงินลงทุน 85 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากสิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่น
การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจครั้งนี้จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและวิทยาการ ซึ่งเป็นความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมาก เช่น การวิเคราะห์วิจัยด้านโปรตีนและพันธุศาสตร์ รวมถึงการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ในสนามทดสอบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยและพัฒนารถยนต์ที่กลุ่มบริษัทฮอนด้าลงทุนก่อสร้างสนามทดสอบในประเทศไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนารถยนต์ในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย
สำหรับ เดือนตุลาคม 2559 จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลงจากเดือนก่อน 17 ราย คิดเป็น 50% ขณะที่เงินลงทุนลดลง474 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 71% และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่าจำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลง 10 ราย คิดเป็น 37% และมีเงินลงทุนลดลง996 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 84% เนื่องจากเดือนตุลาคม 2558 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตัวแทนดูแลเงินฝากที่เป็นหลักประกันการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ บริการให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทในเครือ และบริการสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง
ในช่วง 10 เดือนแรกปี 2559 (มกราคม-ตุลาคม) คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทยแล้ว 289 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 5,977 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนพบว่าจำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลง 47 ราย คิดเป็นอัตรา 14% และเงินลงทุนลดลง 7,032 ล้านบาท คิดเป็น 54%