- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Monday, 17 October 2016 18:32
- Hits: 8248
ก.พาณิชย์ เผยรัฐบาลจีนตกลงซื้อข้าวไทยต้นฤดูกาลให้ราคาดี 399 และ 394 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ส่งมอบต.ค.-พ.ย.นี้
ก.พาณิชย์ เผยรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยบริษัท COFCO ได้ตกลงราคาซื้อข้าวจากไทยงวด 1 แสนตันแรก ภายใต้สัญญาG to G ปี 2558 ปริมาณ 1 ล้านตัน สำหรับการส่งมอบช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2559
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลไทยได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อเดือนธันวาคม 2558 ปริมาณ 1 ล้านตัน โดยมีเงื่อนไขที่จะตกลงราคาเป็นรายงวด งวดละประมาณ 1 แสนตันนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2559 รัฐบาลจีนได้ตกลงราคาซื้อข้าวงวดแรกปริมาณ 1 แสนตัน เป็นชนิดข้าวขาว 5% ฤดูกาลผลิตใหม่ ขนาดบรรจุ 25 กิโลกรัม ราคา 399 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน และขนาดบรรจุ 50 กิโลกรัม ราคา 394 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เทอม FOB CY (Container Yard) กำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม – พฤศจิกายนนี้ โดยราคาข้าวที่กรมการค้าต่างประเทศเจรจาจนสามารถตกลงขายได้ถือว่าเป็นราคาที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับราคาข้าวจากประเทศคู่แข่งสำคัญ เช่น เวียดนาม และปากีสถาน ซึ่งขณะนี้ราคาข้าวอยู่ที่ระดับ 332 และ 335 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ตามลำดับ และการที่ไทยมีคำสั่งซื้อข้าวปริมาณมากจากตลาดต่างประเทศมารองรับผลผลิตข้าวฤดูใหม่ที่กำลังออกสู่ตลาดในขณะนี้ นับว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกที่จะกระตุ้นให้ราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรจะได้รับสูงขึ้นตามไปด้วย เป็นผลดีต่อราคาข้าวไทยทั้งระบบ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศจะเร่งเจรจาให้รัฐบาลจีนตกลงราคาและนำเข้าข้าวที่เหลือตามสัญญาเพื่อให้ครบปริมาณ 1 ล้านตันโดยเร็วต่อไป
รัฐมนตรีว่า การกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ได้จัดทำแผนขยายตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทย เชิงรุกเพื่อเร่งผลักดันการส่งออกข้าวไทยในช่วงต้นฤดู และกำหนดนโยบายในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าข้าวในหลายแนวทาง ประกอบด้วย การเข้าร่วมประมูลข้าว G to G ของฟิลิปปินส์เพิ่มเติมซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้ การจัดคณะผู้แทนเดินทางไปพบหารือกับหน่วยงานผู้นำเข้าข้าวในอาเซียนหลายประเทศ รวมทั้งการรับรองคณะผู้แทนการค้าจากต่างประเทศที่จะเข้ามาเยือนไทยในช่วงปลายปีเช่นกัน ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าวในต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยรักษาเสถียรภาพราคาและส่วนแบ่งตลาดส่งออกข้าวไทยให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ปริมาณ 9.5 ล้านตันในปี 2559
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย.
กรมการค้าต่างประเทศยกเครื่องมาตรฐานข้าวไทย เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ลดอุปสรรคการค้า รับมือตลาดข้าวโลก
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศได้มีการปรับปรุงมาตรฐานข้าวไทย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้าข้าวในปัจจุบัน เนื่องจากมาตรฐานข้าวขาวที่ใช้ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2540) ได้ใช้มาแล้วเป็นระยะเวลา 20 ปี โดยการปรับปรุงครั้งนี้ให้มุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้ากับประเทศคู่แข่งและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยมองภาพรวมตลาดการค้าข้าวโลกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
- กลุ่มตลาดระดับบน คือกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ต้องการบริโภคข้าวที่มีคุณภาพ จึงได้มีการปรับปรุงมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย เพื่อให้เกิดอัตลักษณ์ในความเป็นข้าวหอมชั้นเลิศของไทย โดยกำหนดให้มีข้าวหอมมะลิไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 92 โดยปริมาณ ใช้ชื่อภาษาไทยว่า ‘ข้าวหอมมะลิไทย’ ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘THAI HOM MALI RICE’
- กลุ่มตลาดระดับกลาง คือกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการข้าวเกรดรองจากข้าวหอมมะลิไทยซึ่งมีราคาต่ำกว่าข้าวหอมมะลิไทย โดยได้กำหนดมาตรฐานสินค้าข้าวหอมไทยฉบับใหม่ เพื่อเป็น Fighting Brand ในการแข่งขันทางการค้ากับประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม กัมพูชา และเป็นการส่งเสริมการวิจัยข้าวหอมพันธุ์ใหม่ๆ ของกระทรวงเกษตรฯ ให้สามารถส่งออกได้ ซึ่งมาตรฐานสินค้าข้าวหอมไทยกำหนดให้มี ข้าวหอมไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยปริมาณ มีอมิโลสไม่เกินร้อยละ 20 ใช้ชื่อภาษาไทยว่า ‘ข้าวหอมไทย’ และใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘THAI JASMINE RICE หรือ THAI FRAGRANT RICE หรือ THAI AROMATIC RICE’
- กลุ่มตลาดระดับล่าง เป็นการเปิดช่องทางการส่งออกข้าวกรณีที่ผู้ซื้อต่างประเทศต้องการบริโภค ข้าวหอมที่มีเงื่อนไขแตกต่างจากมาตรฐานฯ ที่กำหนดไว้ข้างต้นดังกล่าว ซึ่งผู้ซื้อสามารถซื้อข้าวหอมผสมในรูปของข้าวตามตัวอย่างภายใต้มาตรฐานสินค้าข้าวที่ได้ปรับปรุงใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้า การผลิต และการส่งออกข้าวในปัจจุบัน ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนธันวาคม 2559
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการปรับปรุงยกเครื่องมาตรฐานข้าวไทยในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานข้าวไทยให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้าข้าวในปัจจุบันให้มีความหลากหลาย เพิ่มขีดศักยภาพในการแข่งขันทางการค้ากับประเทศคู่แข่ง ลดอุปสรรคในการค้า ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นและตอบสนองความต้องการได้ตรงใจของผู้บริโภคทุกกลุ่มอย่างแท้จริง ทั้งนี้กรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการจัดประชุมสัมมนาประชาสัมพันธ์เพื่อชี้แจงการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานสินค้าข้าวฉบับใหม่ รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับการตรวจสอบมาตรฐานสินค้า ภายใต้แนวคิด ‘มาตรฐานส่งออกไทย ก้าวไกลสู่สากล’ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ส่งออกข้าวไทย ผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า ผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า เกษตรกรและบุคคลทั่วไป ในวันที่ 20 ตุลาคม 2559 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ บางเขน กรุงเทพฯ โดยคาดว่ามีผู้เข้าร่วมสัมมนาประมาณ 500 คน และในต่างจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิไทย จำนวน 2 ครั้ง ดังนี้ โรงแรมลายทอง จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 25 ตุลาคม 2559 จำนวน 200 คน และ โรงแรมทองธารินทร์ จ.สุรินทร์ ในวันที่ 27 ตุลาคม 2559 จำนวน 200 คน นอกจากนี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ (www.dft.go.th) หรือเว็บไซต์กองมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก (http://ocs.dft.go.th/) หรือติดต่อสอบถาม กองมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ โทร. 02-547-4747
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย.