WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCดวงพร รอดพยาธเคาะขายข้าว 1.1 ล้านตัน 1.15 หมื่นล.

   ไทยโพสต์ : พาณิชย์ * นบข.เคาะแล้ว ขายข้าวประมูลล็อตล่าสุด 1.1 ล้านตัน ได้เงินเข้ารัฐ 1.15 หมื่นล้านบาท กดสต็อกเหลือต่ำกว่า 10 ล้านตันแล้ว

   นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบให้จำหน่ายข้าวสารสต็อกรัฐบาลเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 4/2559 ให้แก่ผู้เสนอซื้อราคาสูงสุดจำนวน 29 ราย จาก 84 คลัง ปริมาณ 1.11 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 50% ของประมาณข้าวที่นำออกมาเปิดประมูล 2.23 ล้านตัน มูลค่ารวม 1.15 หมื่นล้านบาท

    โดยกรมจะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ชนะการประมูลทั้งหมดให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์ การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ภายใน 15 วันทำการต่อไป

    "การเปิดประมูลข้าวในรอบนี้ ถือว่าขายออกได้มาก จากปริมาณที่เปิด 2.23 ล้านตัน มีผู้มายื่นซองเสนอซื้อถึง 64 ราย ปริมาณ 1.99 ล้านตัน ซึ่งกรมได้พิจารณาด้านการเสนอราคาของผู้เสนอซื้อทั้งหมดแล้ว ได้สรุปผลให้ผู้ที่เสนอราคาสูงสุดเป็นผู้ชนะการประมูล และได้นำเสนอให้ประธาน  นบข.อนุมัติ" นางดวงพรกล่าว

    หลังจากการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลครั้งนี้ คงเหลือข้าวในสต็อกรัฐบาลอีกประมาณ 9.5 ล้านตัน โดยข้าวที่คุณภาพผ่านหรือใกล้เคียงมาตรฐาน กรมจะทยอยระบาย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ รวมทั้งเพื่อทดแทนผลผลิตข้าวนาปรังที่ลดลงจากปัญหาภัยแล้ง ส่วนข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานและข้าวเสื่อมคุณภาพจะระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เหมาะสมต่อไป

   นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า  กระทรวงฯ มีแผนจะเดินทางไปเปิดตลาดข้าวและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดต่างประเทศ โดยเดือน ก.ค.นี้ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ จะเดินทางไปตลาดแอฟริกา เพื่อเจรจาขายข้าว หลังจากนั้นตนจะนำคณะเดินทางไปสิงคโปร์ เพื่อโปรโมตข้าวไทยด้วย ส่วนอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ คาดว่าจะมีการนำเข้าข้าวจากประเทศผู้ขายในช่วงครึ่งปีหลังไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน ซึ่งเป็นโอกาสของไทยที่จะเข้าไปประมูลขายข้าวให้กับ 2 ประเทศนี้.

นบข.ไฟเขียวขายข้าวรัฐ 1.11 ล้านตันพาณิชย์เดินสายเจรจาคู่ค้าดันเป้าส่งออก

    แนวหน้า : นบข.อนุมัติขายข้าว 1.11 ล้านตัน มูลค่า 1.15 หมื่นล้านบาท ให้ผู้เสนอราคาสูงสุด 29 ราย ทำให้ข้าวสต๊อกรัฐเหลือ 9.5 ล้านตัน เตรียมเดินสายโปรโมทข้าวไทย มั่นใจยอด ส่งออก ทั้งปีแตะเป้า 9.5 ล้านตัน แน่นอน

     นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบให้จำหน่ายข้าวสารสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 4/2559 ให้แก่ผู้เสนอซื้อราคาสูงสุด 29 ราย จำนวน 84 คลัง ปริมาณ 1.11 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 50% ของปริมาณข้าวที่นำมาเปิดประมูล 2.23 ล้านตัน มูลค่ารวม 1.15 หมื่นล้านบาท โดยกรมจะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ชนะการประมูลทั้งหมดให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ภายใน 15 วันทำการ

   "การเปิดประมูลรอบนี้ถือว่าขายข้าวออกไปได้มาก โดยปริมาณที่เปิด 2.23 ล้านตัน มีผู้มายื่นซองเสนอซื้อถึง 64 ราย ปริมาณ 1.99 ล้านตัน ซึ่งก็ได้พิจารณาด้านราคากับผู้เสนอซื้อทั้งหมด และสรุปผลผู้ที่ให้ราคาสูงสุดกับประธาน นบข.พิจารณา ซึ่งก็สามารถขายได้ถึงครึ่งจากที่เปิดประมูล" นางดวงพรกล่าว

   อย่างไรก็ตาม หลังจากการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลในรอบนี้ออกไป จะคงเหลือข้าวในสต๊อกรัฐบาลประมาณ 9.5 ล้านตัน โดยข้าวที่คุณภาพผ่านหรือใกล้เคียงมาตรฐานจะทยอยระบาย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ รวมทั้งเพื่อทดแทนผลผลิตข้าวนาปรังที่ลดลง จากปัญหาภัยแล้ง ส่วนข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานและ ข้าวเสื่อมคุณภาพจะระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เหมาะสมต่อไป

       "การระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลนั้น ทางนบข.ได้กำหนดนโยบายชัดเจนให้การระบายข้าว ต้องคำนึงถึงจังหวะเวลาและโอกาสที่เหมาะสม ไม่กระทบต่อราคาข้าวในตลาด ราคาข้าวที่ เกษตรกรจะได้รับ และราคาผลผลิตทางการเกษตร ที่เกี่ยวข้องกรณีระบายเข้าสู่อุตสาหกรรม เพื่อไม่ให้การระบายข้าวเก่าของรัฐสร้างปัญหาใหม่กับข้าวในตลาดปกติ" นางดวงพร กล่าว

     นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังกระทรวงพาณิชย์จะเดินทาง ไปเปิดตลาดข้าวและโปรโมทข้าวไทย โดยเดือนกรกฎาคมนี้ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ จะเดินทาง ไปตลาดแอฟริกา เพื่อเจรจาขายข้าว หลังจากนั้นตนจะนำ คณะเดินทางไปสิงคโปร์ เพื่อโปรโมทข้าวไทยด้วย ส่วนประเทศ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ คาดว่าจะมีการนำเข้าข้าวจากประเทศ ผู้ขายในช่วงครึ่งปีหลังไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะเข้าไปประมูลขายข้าวให้กับ 2 ประเทศนี้ นอกจากนี้ยังมีประเทศอิหร่านและโอมานก็สนใจซื้อข้าวไทย โดยเฉพาะโอมานที่จะเป็นประตูส่งออกข้าวไปประเทศแอฟริกาตะวันออก ทำให้การส่งออกข้าวปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 9.5 ล้านตัน แน่นอน

      ทั้งนี้ สำหรับในปี 2558 ไทยสามารถส่งออกข้าวได้ ทั้งสิ้น 9.79 ล้านตัน ลดลงจากปี 2557 ที่เคยส่งออกได้ 10.97 ล้านตัน ทำให้ไทยกลายเป็นผู้ส่งออกเบอร์ 2 รองจากอินเดีย ที่ส่งออกได้ 10.2 ล้านตัน

      ส่วนเวียดนาม เป็นเบอร์ 3 ส่งออกได้ 6.46 ล้านตัน ด้านมูลค่าส่งออกไทยส่งออกคิดเป็นมูลค่ารวม 4,613 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 15.2% จากปี 2557 ที่ส่งออกได้ 5,439 ล้านเหรียญสหรัฐ

นบข.ไฟเขียวขายข้าวในสต็อกรัฐรอบ 4 ให้ผู้ชนะประมูล 29 ราย รวม 1.11 ล้านตัน

            นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กรมฯ ได้เปิดให้ผู้สนใจเสนอซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 4/2559 เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.59 ปรากฏว่ามีผู้สนใจเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐจำนวน 64 ราย โดยเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 39 ราย ใน 152 คลัง ปริมาณ 1.99 ล้านตัน (คิดเป็น 89% ของปริมาณข้าวที่เปิดประมูล) มูลค่าเสนอซื้อประมาณ 19,387.01 ล้านบาท โดยชนิดข้าวที่มีผู้เสนอราคาซื้อมากที่สุดเป็น ข้าวขาว 5% ปริมาณ 855,389.52 ตัน คิดเป็นร้อยละ 43 รองลงมา คือปลายข้าวเอวันเลิศ

    กรมฯ ได้รวบรวมผลการเสนอราคาซื้อสูงสุดดังกล่าวให้ประธานกรรมการ นบข.พิจารณา ซึ่งประธาน นบข.ได้เห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 4/2559 ให้แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุด 29 ราย จำนวน 84 คลัง ปริมาณ 1.11 ล้านตัน (คิดเป็น 50% ของปริมาณข้าวที่เปิดประมูล) คิดเป็นมูลค่าเสนอซื้อ 11,541.03 ล้านบาท ซึ่งกรมฯ จะได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ชนะการประมูลเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวกับองค์การคลังสินค้า และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ภายใน 15 วันทำการต่อไป

     อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวต่อว่า หลังจากการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไปครั้งนี้แล้ว จะคงเหลือข้าวในสต็อกของรัฐประมาณ 9.5 ล้านตัน โดยข้าวที่คุณภาพผ่านหรือใกล้เคียงมาตรฐานจะทยอยระบายเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ รวมทั้งเพื่อทดแทนผลผลิตข้าวนาปรังที่ลดลงจากปัญหาภัยแล้ง ส่วนข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานและข้าวเสื่อมคุณภาพจะระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เหมาะสมต่อไป

     ทั้งนี้ รัฐบาลโดยคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) กำหนดนโยบายชัดเจนให้การระบายข้าวต้องคำนึงถึงจังหวะเวลา และโอกาสที่เหมาะสมไม่กระทบต่อราคาข้าวในตลาด ราคาข้าวที่เกษตรกรจะได้รับ และราคาผลผลิตทางการเกษตรที่เกี่ยวข้องกรณีระบายเข้าสู่อุตสาหกรรม เพื่อมิให้การระบายข้าวเก่าของรัฐสร้างปัญหาใหม่กับข้าวในตลาดปกติ

       อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!