- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 20 May 2016 23:02
- Hits: 2742
กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ต่อปี พร้อมคงเป้า GDP ปีนี้โต 3.1%
กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ต่อปี มองเศรษฐกิจไทยไม่ได้ชะลอตัว มั่นใจปีนี้ยังโตตามคาดที่ 3.1% รับกังวลค่าเงินบาทแข็งค่า กระทบการฟื้นตัวของศก.ไทย แต่มั่นใจมีมาตรการดูแล ชี้นโนบายการเงินในประเทศอุตสาหกรรมหลักยังแตกต่างกัน ส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย ค่าเงินผันผวน มั่นใจต่อจากนี้เงินเฟ้อจะทยอยฟื้นตัวตามราคาน้ำมัน
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. เปิดเผยว่า ที่ประชุมกนง.มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ครั้งก่อนที่ 3.1% แต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรง ส่งผลกระทบต่อการบริโภค และรายได้ของเกษตรกร
อย่างไรก็ตาม ภาวะการเงินในปัจจุบันยังผ่อนคลายเพิ่มขึ้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อยู่ในระดับต่ำและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ที่ลดลง จึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้เพื่อรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย รวมทั้งยังคงต้องติดตามความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินโดยรวมจากพฤติกรรมแสดงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น
“คณะกรรมการยังมองว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง และพร้อมที่จะใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสม เพื่อดูแลให้ภาวะการเงินโดยรวมเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ”นายจาตุรงค์ กล่าว
นายจาตุรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ และการท่องเที่ยวซึ่งขยายตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นเกือบทุกกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ปริมาณการส่งออกสินค้าซึ่งไม่รวมมองคำหดตัว และการลงทุนภาคเอกชนยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยมีการขยายตัวเฉพาะในบางธุรกิจเท่านั้น
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณอ่อนแรงลง ส่วนหนึ่งเนื่องจากครัวเรือนภาคเกษตรกรได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโน้มไปด้านต่ำมากขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน แต่คาดว่าจะปัญหาภัยแล้งสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน และเป็นบวกต่อการบริโภคมากขึ้น
ด้านการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง นอกจากนี้ในบางช่วงพบว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับคู่ค้าคู่แข่งนั้นบางสกุลอาจไม่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเท่าที่ควร ซึ่งยอมรับว่า คณะกรรมการฯมีความกังวลต่อเงินบาทที่แข็งค่า และพร้อมจะติดตาม รวมถึงดำเนินนโยบายในการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสมต่อไป สำหรับในระยะต่อไป มองว่าความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักยังคงเป็นปัจจัยที่จะส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มผันผวนสูงขึ้น
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเริ่มกลับมาเป็นบวกในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตามผลของฐานราคาน้ำมันที่สูงในช่วงก่อนหน้าที่ลดลง และราคาอาหารสดที่เริ่มปรับสูงขึ้นจากปัจจัยชั่วคราว อย่างไรก็ตามแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่มีแนวโน้มทรงตัว
ทั้งนี้ คณะกรรมการประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยปรับตัวสูงขึ้น ตามผลราคาน้ำมันที่ทยอยปรับเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังเผชิญความไม่แน่นอนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกและอุปสงค์ในประเทศที่มีสัญญาณอ่อนแรงลง
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย