WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCสวทย เมษนทรยพาณิชย์ เผย ส่งออก 3 เดือนแรกปีนี้โต 0.90% คงเป้าส่งออกปีนี้โต 5% หวังเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ

    พาณิชย์ เผย ส่งออกเดือน มี.ค.59 โต 1.30% ส่วนนำเข้า ติดลบ 6.94% ขณะที่ ส่งออก 3 เดือนแรกปีนี้โต 0.90% นำเข้า 3 เดือนแรกปีนี้ติดลบ 11.09% พร้อมคงเป้าส่งออกปีนี้โต 5% หวังเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ และยอดตัวเลขรอลงทุนบีโอไอค่อนข้างสูง

     นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ส่งออกในเดือน มี.ค.59 ขยายตัว 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่า 19,125 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.59) มีมูลค่า 53,829 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและทองคำ มูลค่าการส่งออกจะขยายตัว 1.4%

       ขณะที่การนำเข้าเดือน มี.ค.59 มีมูลค่า 16,159 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 6.94% (YoY) และ 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.59) มีมูลค่า 45,640 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 11.99% ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือน มี.ค.59 ยังเกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ซึ่งมีมูลค่า 2,966 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.59) เกินดุล 8,189 ล้านเหรียญสหรัฐ

       สำหรับ มูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินบาท พบว่าการส่งออกเดือน มี.ค.59 มีมูลค่า 676,529 ล้านบาท ขยายตัว 10.77% และ 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.59) มีมูลค่า 1,923,794 ล้านบาท ขยายตัว 11.07%

      ในขณะที่การนำเข้าเดือน มี.ค.59 มีมูลค่า 578,447 ล้านบาท ขยายตัว 1.77% (YoY) และ 3 เดือน  (ม.ค.-มี.ค.59) มีมูลค่า 1,650,153 ล้านบาท หดตัว 3.15%(YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือน มี.ค.59 เกินดุล 98,082 ล้านบาท และ 3 เดือน  (ม.ค.-มี.ค.59) เกินดุล 273,641 ล้านบาท

      "ส่งออกเดือน มี.ค.ของไทยขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 โดยมาจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะรถยนต์ เครื่องจักรกล และทองคำ โดยการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหลายรายการมีแนวโน้มส่งออกที่ดีขึ้นจากการขยายตัวในด้านปริมาณ แต่ยังคงเผชิญกับปัจจัยราคาที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ด้านมูลค่าขยายตัวต่ำกว่าปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังต้องเฝ้าจับตามองสถานการณ์การค้าโลกที่ยังมีความผันผวนจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยปีนี้เรายังคงเป้าหมายการส่งออกขยายตัวที่ 5% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนตัวเลขของบีโอไอที่ปีนี้จะมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 6-7 แสนล้านบาท แต่ถ้าได้ขยายตัว 3% ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว เพราะปัจจัยจากเศรษฐกิจโลกไม่สามารถควบคุมได้" นายสุวิทย์ กล่าว

   โดยวันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดเผยการส่งออกของไทยเดือนมีนาคม 2559 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะรถยนต์ เครื่องจักรกล และทองคำ อีกทั้งการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหลายรายการมีแนวโน้มการส่งออกที่ดี จากการขยายตัวในด้านปริมาณ แต่ยังคงเผชิญกับปัจจัยราคาที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ด้านมูลค่าขยายตัวต่ำกว่าปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ยังคงต้องเฝ้าจับตามองสถานการณ์การค้าโลกที่ยังคงผันผวนอย่างใกล้ชิด จากสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ดีการส่งออกของไทยมีสถานการณ์ที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ มาก แสดงว่าไทยยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในตลาดและสินค้าส่งออกสำคัญไว้ได้ สะท้อนให้เห็นว่าความสามารถทางการแข่งขันของไทยยังอยู่ระดับที่ดี อีกทั้งข้อมูลการนำเข้าของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยเริ่มมีสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การส่งออกไทยฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในระยะต่อไป

                                                                                                                                                                               

      มี.ค.-59                                                   ม.ค. มี.ค. 59                                                                                       

  สกุลดอลลาร์                         สกุลเงินบาท                                          สกุลดอลลาร์                      สกุลเงินบาท                         

                มูลค่า      Growth (%YoY)    มูลค่า      Growth (%YoY)                    มูลค่า      Growth (%YoY)    มูลค่า                      Growth (%YoY)   

                (ล้านเหรียญฯ)                       (ล้านบาท)                                              (ล้านเหรียญฯ)                       (ล้านบาท)                                             

มูลค่าการค้า          35,283   -2.64       1,254,976              6.43                        99,470   -5.46       3,573,948                              4.02       

ส่งออก   19,125   1.3          676,529 10.77                      53,829   0.9          1,923,794                              11.07     

นำเข้า     16,159   -6.94       578,447 1.77                        45,640   -11.99    1,650,153                              -3.15      

ดุลการค้า               2,966                      98,082                                   8,189                                      273,641                

                                                                                                                                                                               

   มูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินบาท การส่งออกเดือนมีนาคม 2559 มีมูลค่า 676,529 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 10.77 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) และระยะ 3 เดือน (ม.ค. มี.ค. 59) มีมูลค่า 1,923,794 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 11.07 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY)  ในขณะที่การนำเข้าเดือนมีนาคม 2559 มีมูลค่า 578,447 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.77 (YoY) และระยะ 3 เดือน (ม.ค. มี.ค. 59)มีมูลค่า 1,650,153 ล้านบาท หดตัวร้อยละ -3.15 (YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือนมีนาคม 2559 เกินดุล 98,082 ล้านบาท และระยะ 3 เดือน (ม.ค. มี.ค. 59) เกินดุล 273,641 ล้านบาท                                                                                                                                                                            

 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินเหรียญสหรัฐฯ การส่งออกเดือนมีนาคม 2559 มีมูลค่า 19,125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 1.30 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) และระยะ 3 เดือน (ม.ค. มี.ค. 59) มีมูลค่า 53,829 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 0.90 (YoY) แต่หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน และทองคำ มูลค่าส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 1.4 (YoY) ในขณะที่การนำเข้าเดือนมีนาคม 2559                                                                                                                                                                               

 มีมูลค่า 16,159 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ -6.94 (YoY) และระยะ 3 เดือน (ม.ค. มี.ค. 59) มีมูลค่า 45,640 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ -11.99 (YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือนมีนาคม 2559 ยังคงเกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันมีมูลค่า 2,966 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และระยะ 3 เดือน (ม.ค. มี.ค. 59) เกินดุล 8,189 ล้านเหรียญสหรัฐฯ                                                                                                                                                                 

 มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรกลับมาหดตัวตามราคาสินค้าเกษตรโลก โดยภาพรวมเดือนมีนาคม 2559 มูลค่าส่งออกลดลงร้อยละ -1.5 (YoY) ตามทิศทางของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนมีนาคม 2559 นี้ ยางพาราหดตัวถึงร้อยละ –21.1 (YoY) เช่นเดียวกับ  ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (-12.6) ทูน่ากระป๋อง (-7.7) เครื่องดื่ม (-5.5) หดตัวสูง ซึ่งเป็นผลจากการหดตัวด้านราคาเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในด้านปริมาณส่งออก พบว่าหลายรายการยังมีปริมาณส่งออกที่ดี แต่ด้วยปัจจัยราคาที่ลดลง ทำให้มูลค่าขยายตัวต่ำกว่าด้านปริมาณที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยางพารา ที่ปริมาณส่งออกสินค้าขยายตัว (+2.5) แต่ด้วยราคาที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้มูลค่าการส่งออกหดตัวลง  ในขณะที่ น้ำตาลทราย และข้าว มูลค่าส่งออกกลับมาขยายตัวดีร้อยละ  6.0 และ 7.3 (YoY) ตามลำดับ โดยเป็นการขยายตัวด้านปริมาณการส่งออกสูงถึงร้อยละ 18.5 และ 26.1 (YoY) ตามลำดับ                                                                                                                                                                        

 มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม กลับมาขยายตัวต่อเนื่องจากการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกล และทองคำ ในขณะที่ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยฉุดรั้งมูลค่าส่งออกสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน โดยภาพรวมเดือนมีนาคม 2559 มูลค่าการส่งออกขยายตัวร้อยละ 3.4 (YoY) ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของมูลค่าส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ที่ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 43.8 (YoY) ซึ่งเป็นการขยายตัวของการส่งออกทองคำที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 262.5 (YoY) จากปัจจัยด้านราคาทองคำที่สูงขึ้น และมีการส่งออกเพื่อเก็งกำไร เช่นเดียวกับการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบที่กลับมาขยายตัวร้อยละ 2.9 (YoY) จากการส่งออกรถยนต์นั่งที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 80.8 (YoY) โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดออสเตรเลีย อาเซียน และตะวันออกกลาง                                                                                                                                                                       

 ในขณะที่ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันดิบหรืออุตสาหกรรมที่มีโครงสร้างการใช้วัตถุดิบซึ่งมาจากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก มีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 7.6 ของมูลค่าส่งออก ยังคงหดตัวสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ -22.7 จากปีก่อนหน้า ตามภาวะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว                                                                                                                                                                 โดยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเดือนมีนาคม 2559 ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 35.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ มูลค่าส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญอย่างเครื่องรับโทรทัศน์ฯ ก็หดตัวสูง (-28.4) จากปัจจัยการย้ายฐานการผลิต เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (-6.2) ที่หดตัวลงเช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ มูลค่าส่งออกของไทยที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก และการชะลอการนำเข้าของประเทศคู่ค้า                                                                                                                                                                         

  ตลาดส่งออกสำคัญอย่างอาเซียน(9) และทวีปออสเตรเลีย(25) ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดส่งออกหลักอย่างตลาด ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (15) กลับมาหดตัว เช่นเดียวกับจีนที่ยังคงหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก และจากปัจจัยสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเป็นสำคัญ เดือนมีนาคม 2559 การส่งออกไปยังตลาดสำคัญ ได้แก่ อาเซียน (9) และทวีปออสเตรเลีย(25) ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 4.5 (YoY) และร้อยละ 3.5 (YoY)  ตามลำดับ จากการขยายตัวของการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ ที่มีแนวโน้มการขยายตัวได้ดีในทั้งสองภูมิภาค อย่างไรก็ดีพบว่ากลุ่มประเทศ CLMV ก็ยังคงหดตัวต่อเนื่องจากการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งหดตัวถึงร้อยละ -6.9 (YoY) โดยเฉพาะการส่งออกไปยังกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่หดตัวจากการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเป็นสำคัญ นอกจากนี้ตลาดส่งออกหลักอย่างญี่ปุ่นกลับมาหดตัวที่ร้อยละ -6.1 (YoY) สหภาพยุโรป (15) หดตัวร้อยละ -2.9 (YoY) และสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ -1.4 (YoY) เช่นเดียวกับ การส่งออกไปยังตลาดหลักอย่างจีน หดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -5.4 (YoY) จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ารวมถึงการหดตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และการใช้นโยบายลดการพึ่งพาการนำเข้าและเน้นใช้วัตถุดิบในประเทศ ซึ่งกระทบต่อสถานการณ์มูลค่าการส่งออกของประเทศในกลุ่มอาเซียนรวมทั้งไทย                                                                                                                                                                   

การค้าของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางการค้าชายแดน และผ่านแดน เติบโตต่อเนื่องจากปี 2558 (มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 7.8 ของมูลค่าการค้ารวมของไทย) โดยมูลค่าการค้าชายแดน (มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา) เดือนมีนาคม 2559 มีมูลค่า 85,360 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -0.80 (YoY) และระยะ 3 เดือน (ม.ค. มี.ค. 59) มีมูลค่า 254,173 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.95 (YoY) ทำให้ภาพรวมเดือนมีนาคม 2559 ไทยได้ดุลการค้าชายแดนรวม 4 ประเทศ เป็นมูลค่า 22,919 ล้านบาท และระยะ 3 เดือน (ม.ค. มี.ค. 59) ได้ดุลการค้า 47,884 ล้านบาท ขณะที่การค้าผ่านแดน (สิงคโปร์ จีนตอนใต้ เวียดนาม) เดือนมีนาคม  2559 มีมูลค่า 12,550 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.31 (YoY) และระยะ 3 เดือน (ม.ค. มี.ค. 59) มีมูลค่า 36,652 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.51 (YoY) ทำให้ภาพรวมเดือนมีนาคม 2559 ไทยขาดดุลการค้าผ่านแดนรวม 3 ประเทศ เป็นมูลค่า 2,500 ล้านบาท และระยะ 3 เดือน (ม.ค. มี.ค. 59) ขาดดุลการค้า 4,356 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมการค้าชายแดน และผ่านแดน เดือนมีนาคม 2559 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 97,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.05 (YoY) และระยะ 3 เดือน (ม.ค. มี.ค. 59) มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 290,825 ล้านบาท ขยายตัว 2.38 (YoY)                                                                                         ในภาวะที่การค้าไทยเผชิญกับความท้าทาย ภายใต้สถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบัน กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งดำเนินการ เพื่อการขับเคลื่อนการส่งออกของไทย ปี 2559 นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยการกระทรวงพาณิชย์ ยังคงยึดแนวทางการขับเคลื่อนการส่งออกที่สำคัญ 5 ด้าน ดังนี้                                                                                                                                                                        

  1.ขยายการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะตลาดอินโดจีนหรือ CLMV โดยกระทรวงพาณิชย์จะใช้โอกาสทางการค้า และความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของไทยซึ่งมีที่ตั้งเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งความเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก                                                                                                                                                                    

 2.เร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก โดยใช้ความต้องการตลาดเป็นตัวนำการผลิต (Demand Driven)   หรือกำหนดสินค้า/บริการที่จะผลักดันการส่งออก และมีการกำหนดกลยุทธ์เชิงลึกในระดับเมือง (City focus) มุ่งเน้นการเจาะตลาดใหม่ๆ การเจาะกลุ่มตลาดเฉพาะ (Niche Market) และช่องทางการค้าออนไลน์ โดยเฉพาะตลาดอาเซียน ที่จะมุ่งเจาะตลาดเข้าสู่เมืองเศรษฐกิจรองที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการเพิ่มความสำคัญของตลาดในเมืองหลวง/เมืองเศรษฐกิจหลัก โดยเน้นสินค้า/บริการแบรนด์ที่มีศักยภาพ                                                                                                                                                                       

 3. ส่งเสริมการค้าบริการ (Trade in Services) โดยสนับสนุนภาคธุรกิจบริการให้เป็นแรงผลักดันการส่งออกควบคู่ไปกับการส่งออกสินค้า ตามยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดไว้ กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนด 6 กลุ่มธุรกิจบริการเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ (Wellness and Medical Services) ธุรกิจอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Economy Industry) ธุรกิจโลจิสติกส์และการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Logistics and Facilitation) ธุรกิจการให้บริการของสถาบัน (Institutional Services and Related) ธุรกิจบริการสนับสนุนการค้า (Trade Supporting Services) และธุรกิจดิจิตอล (Digital Business)                                                                                                                                                                              

 4. ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสทางการค้าการลงทุน และสร้างความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจ โดยผ่านกลไกภาครัฐร่วมกับภาคเอกชน รวมทั้งการศึกษาข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจและศักยภาพทางเศรษฐกิจเป็นรายเมือง รวมถึงขั้นตอน กฎระเบียบการลงทุน และมาตรการทางภาษี  สร้างเครือข่ายกับหน่วยงาน/นักธุรกิจ ในท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่ต้องการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ                                                                                                                                                                           

 5. ผลักดันและแก้ปัญหาทางการค้าร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยมีกลไกขับเคลื่อนผ่านคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ (พกค.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการค้าทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นกรรมการ โดย พกค. จะมีบทบาทด้านการกำหนดนโยบาย และมาตรการเกี่ยวกับการพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการค้าของประเทศ                                                 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!