- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 27 March 2016 11:08
- Hits: 1375
พาณิชย์ ตรวจราคาสินค้าช่วงสงกรานต์ กำชับจำหน่ายเป็นธรรมผู้ซื้อ
แนวหน้า : น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ประมาณวันที่ 10-12 เมษายน 2559 นี้ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ จะลงพื้นที่ตรวจสอบราคาและปริมาณสินค้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่สถานีขนส่ง เช่น หมอชิต เพื่อกำชับการจำหน่ายเครื่องดื่มและอาหารในราคาเป็นธรรม ขณะที่ปัญหาแล้งยังไม่ได้รับรายงานเรื่องขาดแคลนสินค้าหรือสินค้าแพงเกินจริงในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นที่กรมฯดูแลกว่า 200 รายการ
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ค้าภายในจังหวัด ร่วมกับพาณิชย์จังหวัด สำรวจการผลิต ประเมินผลผลิตของเกษตรกร ทั้ง ผัก ผลไม้ เพื่อเตรียมแผนรับมือไม่ให้เกิดปัญหาสินค้า ล้นตลาดและราคาตกต่ำ พร้อมเชื่อมโยงตลาดให้สินค้าเกษตรที่จะออกสู่ท้องตลาดเป็น ปริมาณมาก เกินความต้องการ เช่น กลุ่มถั่ว ที่มีการส่งเสริมให้ปลูกในช่วงแล้ง ก็ต้องเตรียม หาตลาดไว้รับซื้อ กล้วยหอมทอง ที่กำลังนิยม ปลูก ก็จะได้ผลผลิตอีก 8 เดือนข้างหน้า
ในขณะเดียวกัน กรมกำลังเร่งการเปิดโครงการ 'ตลาดต้องชม' ให้ได้ครบ 77 แห่ง ในเดือนกันยายน 2559 นี้ โดยโครงการดังกล่าวมี เป้าหมายพัฒนาตลาดท้องถิ่นให้เป็นตลาดที่มีความ ทันสมัย และเป็นแหล่งช็อปปิ้งประจำถิ่นอย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง ซึ่งในสิ้นเดือนมีนาคม 2559 นี้ คาดว่าจะ เปิดได้ 26 แห่ง ทั้งนี้เป็นโครงการต่อเนื่อง 3 ปี (2559-2561) มีเป้าหมายเปิดรวมกว่า 200 แห่ง
โดยในปี 2560 รัฐบาลเตรียมให้งบประมาณ เพิ่มเติม ซึ่งกรมจะเน้นเรื่องการยกระดับมาตรฐานการผลิตของผู้ค้าในตลาด ให้มีแบรนด์สินค้าของตนเอง พัฒนาหีบห่อ และการจัดโชว์สินค้าเหมือนร้านค้าในห้างสรรพสินค้า เพื่อจูงใจการซื้อของนักท่องเที่ยว จากที่ติดตามยอดขายตลาดต้องชมหลังเปิดตัวแล้ว พบว่าช่วยเพิ่มยอดขายให้ผู้ค้าจากปกติอีก 10-20% และกรมฯยังมีแผนเปิดตัวโครงการ "หมู่บ้านทำมาค้าขาย" ต่อไป เพื่อเน้นส่งเสริมและพัฒนางานหัตถกรรมพื้นฐาน เช่น ผ้า สินค้าอินทรีย์ เป็นต้น
"ตอนนี้ภาคเอกชนให้การสนับสนุนโครงการตลาดต้องชมอย่างมาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 กรมได้รับมอบเครื่องตราชั่งตุ๊กตาคู่ 60 เครื่อง เพื่อนำไปจัดวางในตลาดต้องชมแห่งละ 1 เครื่อง เพื่อเป็น ตราชั่งกลางให้ประชาชนที่เข้าไปเลือกซื้อสินค้าในตลาดต้องชมใช้ประโยชน์ เพื่อความเป็นธรรมต่อประชาชนที่มาใช้บริการ" น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ กล่าว
ปลุกอารมณ์ใช้เงินสงกรานต์เอกชนเชื่อมาตรการลดหย่อนภาษีฟื้นกำลังซื้อ
ไทยโพสต์ * ผู้ประกอบการเอกชน เชื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสงกรานต์ สร้างบรรยากาศจับจ่ายคึกคักมากขึ้น โรงแรมร้านอาหาร รับอานิสงส์ แนะรัฐดำเนินการต่อเนื่อง
นายพบไชยส์ จิวะวิศิษฎ์นนท์ กรรมการผู้จัดการและเจ้าของ โรงแรมโนโวเทล ภูเก็ต รีสอร์ท และโรงแรมโนโวเทล ภูเก็ต วินเทจ พาร์ค เปิดเผยกับ "ไทยโพสต์" ว่า ในช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา หลังจากที่ภาครัฐได้มีนโยบายการกระตุ้น การใช้จ่ายของคนไทยไปแล้ว จะเห็นได้ว่าตามศูนย์การค้ามีบรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก และหากในช่วงสงกรานต์ภาครัฐจะมีมาตรการลดหย่อนภาษี จากค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารและการท่องเที่ยว โดยให้ประชาชนสามารถนำใบเสร็จ ใบกำกับภาษี มาหักลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทนั้น ก็คงช่วยให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวและใช้จ่ายมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ในฐานะผู้ประกอบการที่อยู่ในภาคของธุรกิจการท่องเที่ยว ส่วนตัวเห็นด้วยและถือ ว่าเป็นมาตรการที่ดี เพราะใน ช่วงนี้ประเทศไทยควรมีมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจออกมา เพื่อเป็นการผลักดันให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจเกิดขึ้น แต่ในขณะเดียว กันก็มองว่าหากจะดำเนินการมาตรการหรือนโยบายลักษณะนี้ ก็อยากให้มีระยะเวลาที่เหมาะสมหรือเห็นผล หากเป็นไปได้อาจทำในทุกช่วงวันหยุดยาว
"โดยปกติช่วงวันหยุดยาวคนไทยก็เลือกที่จะเดินทาง ท่องเที่ยวอยู่แล้ว หากมีมาตรการดังกล่าวออกมาในช่วงสง กรานต์ มองว่าอาจมีผลต่อการตัดสินใจเข้าพักนานขึ้น ซึ่งหากคนไทยเที่ยวภายในประเทศกันมากขึ้น ก็นับเป็นเรื่องดีที่จะสนับ สนุนการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน" นายพบไชยส์กล่าว
สำหรับ มาตรการดังกล่าว มองว่าจะมีผลดีต่อผู้ประกอบการโรงแรมตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวหิน และพัทยา หรือบริเวณอื่นที่คนไทย นิยมไปท่องเที่ยวตามช่วงเทศ กาล
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยกับ 'ไทยโพสต์' ว่า ภาพรวมของร้านอาหารจะมีความคึกคักมากขึ้น หากมีมาตราการ ดังกล่าวออกมา หลังจาก 3 เดือนแรกค่อนข้างทรงตัว เนื่อง จากผู้บริโภคยังค่อนข้างระมัด ระวังการใช้จ่ายอยู่ระดับหนึ่ง คาดการณ์ว่าอาจทำให้การใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นถึง 200% หากเปรียบเทียบกับฐานเดิมของแต่ละคน ที่ผู้บริโภคเคยจับจ่ายในเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา
สำหรับ มาตรการดังกล่าว จะทำให้ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนถูกต้องได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีต้นทุนการดำเนินธุรกิจค่อนข้างสูง หากภาครัฐเดินหน้ามาตรการในลักษณะนี้ และทำให้ประชาชนมีอารมณ์การใช้จ่ายมากขึ้น ก็ย่อมเป็นผลดีและช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ทางหนึ่ง แต่ก็อยากให้มีการทำมาตรการที่มีระยะเวลานานพอสมควร เพื่อให้เห็นผล อย่างชัดเจน
นางฐนิวรรณ ยังกล่าวว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ผ่านต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการต่างก็ต้องหันมาทำโปรโมชั่นกันมากขึ้น เพื่อทำให้ธุรกิจของตนเองอยู่รอด แม้ว่าปริมาณคนเข้าใช้บริการอาจไม่ลดลง แต่ในส่วนของการใช้จ่ายค่อนข้างน้อย ลง.