พาณิชย์ ดันไทยศูนย์กลางค้าอัญมณีโลก ผู้ส่งออกมั่นใจปี'59 ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 5%

     แนวหน้า : พาณิชย์วางยุทธศาสตร์ภายใน 5 ปี ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและส่งออกอัญมณีอันดับต้นๆของโลก ด้านสมาคมผู้ค้าฯมั่นใจปี’59 ยอดส่งออกโตไม่ต่ำกว่า 5% แม้กำลังซื้อต่างชาติลดลงจากพิษเศรษฐกิจ

     นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ The 57thBangkok Gems & Jewelry Fair ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ว่าภาครัฐจะสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรม อัญมณีและเครื่องประดับของไทย ในการส่งออกสู่ตลาดโลก อัญมณีและเครื่องประดับของไทย นับเป็นสินค้าที่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้ประกอบการทั่วโลก ในด้านคุณภาพการผลิต มีช่างฝีมือที่มีความชำนาญ และถือได้ว่าไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการค้าอัญมณี และเครื่องประดับในภูมิภาคอาเซียน อัญมณีเป็นสินค้าชั้นนำของไทย สร้างมูลค่าการส่งออกเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ หรือปีละกว่า 2.24 แสนล้านเหรียญสหรัฐมีผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมกว่า 15,777 ราย และกว่า 90% เป็นผู้ประกอบการ SMEs มีการจ้างแรงงานกว่า 1.3 ล้านคน

     กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้จัดทำยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปี 2563 โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2561 ให้ไทยจะเป็นศูนย์กลางการประมูลวัตถุดิบอัญมณี และงานแสดงสินค้า Bangkok Gems and Jewelry Fair ให้ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก และภายในปี 2563 ไทยจะส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก จากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับที่ 13 ของโลก

    สำหรับ งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ หรือบางกอกเจมส์ แอนด์ จิวเวอรี่ ครั้งที่ 57 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี เพื่อช่วยส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย โดยมีผู้ซื้อตอบรับเข้าร่วมงานจากทั้งตะวันออกกลาง รัสเซีย สหรัฐอเมริกา จีนคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานไม่ต่ำกว่า 30,000 ราย จาก 160 ประเทศทั่วโลก

        นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับ และโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวมจะยังชะลอตัวทำให้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในปีที่ผ่านมา ไม่ขยายตัว แต่ก็เชื่อว่าปีนี้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 5% หรือ มีมูลค่ากว่า 7,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากตลาดสหรัฐ จีน และอินเดีย เริ่มปรับตัวดีขึ้น ขณะที่กลุ่มตะวันออกกลาง กำลังซื้อเริ่มดีขึ้นจากที่ก่อนหน้านี้กำลังซื้อได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ตกลง

       อีกทั้ง ภาครัฐยังให้การช่วยเหลือสนับสนุน ทั้งการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT สำหรับการนำเข้ามาเพื่อขาย หรือการขายเพชร พลอย ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน โอปอล หินเพทาย ไพฑูรย์ หยก ไข่มุก และอัญมณี ที่ยังไม่ได้เจียระไน แต่ไม่รวมถึงสิ่งทำเทียมวัตถุดังกล่าวหรือที่ทำขึ้นใหม่ และให้สามารถหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย 1% สำหรับบุคคลธรรมดาที่มีเงินได้พึ่งประเมินจากการขายอัญมณีดังกล่าว รวมทั้งได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินจากการขายอัญมณีมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ จึงเชื่อว่าจะเป็นการส่งเสริม สนับสนุน อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณี และเครื่องประดับของอาเซียนได้ ทำให้มีนักธุรกิจเข้ามาเจรจาการค้ามากขึ้น