WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCสวทย เมษนทรยนายกฯ ไฟเขียวงบ 1.5 พันล้านเดินหน้าปรับโครงสร้าง ศก.การค้าภายใน-ตปท.

     รมช.พาณิชย์ เผย นายกฯ ไฟเขียวงบกลางปี 1,500 ล้าน ให้พาณิชย์ทำยุทธศาสตร์ ปรับโครงสร้าง ศก.การค้า หวังสร้างความเข้มแข็งให้ ศก.ไทยจากภายในสู่ตลาดโลก จ่อชง ครม. อนุมัติสัปดาห์หน้า ตั้งเป้า ช่วยเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 15%...

     นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงแผนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจการค้าภายในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับความเห็นชอบในหลักการจากนายกรัฐมนตรี อนุมัติงบกลางปีให้แก่กระทรวงพาณิชย์วงเงิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบผูกพัน 3 ปี แบ่งเป็นงบขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ 620 ล้านบาท และงบการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 880 ล้านบาท โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบวันที่ 9 ก.พ. นี้

      สำหรับ งบประมาณดังกล่าว จะใช้สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก เริ่มตั้งแต่การพัฒนาเกษตรกรให้เป็นสมาร์ตฟาร์มเมอร์, วิสาหกิจชุมชน, ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ให้มีความเข้มแข็งทั้งในด้านการผลิตและการตลาด โดยต้องผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาด จากที่ผ่านมาไทยติดกับดักผลิตสินค้าล้นตลาด จนราคาตกต่ำและต้องมีการแทรกแซงราคากันโดยตลอด ซึ่งจะทำงานร่วมกับกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อุตสาหกรรม มหาดไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) รวมถึงคณะกรรมการประชารัฐ

     ด้าน น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จะร่วมมือกับกรมการค้าต่างประเทศ และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ความรู้แก่เกษตรกรเพื่อผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาด และส่งเสริมให้แปรรูปสินค้าเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ตั้งเป้าหมายให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 15% นอกจากนี้จะผลักดันตลาดชุมชน และเชื่อมโยงตลาดชุมชนเข้าสู่ตลาดกลาง เพื่อช่วยกระจายสินค้าเกษตร โดยจะพัฒนาให้เกิดตลาดกลางสมบูรณ์แบบ มีทั้งคลังสินค้า ห้องเย็น ไซโล โดยจะนำร่องที่ จ.เชียงราย อุดรธานี ราชบุรี จันทบุรี และนครศรีธรรมราช รวมถึงจะผลักดันให้จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า 3 แห่ง ที่สระแก้ว อุดรธานี และราชบุรี เพื่อกระจายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาด CLMV

        ด้าน นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จะผลักดันการส่งออกสินค้า บริการ การลงทุน และการท่องเที่ยว มีตลาดเป้าหมายที่ CLMV โดยจะเจาะตลาดเป็นรายเมือง สร้างเครือข่ายธุรกิจไทยกับตลาดเป้าหมาย ผลักดันให้ธุรกิจไทยเข้าไปลงทุน ตั้งเป้าหมายผลักดันให้การค้าเพิ่มขึ้น 15% และการลงทุนเพิ่มขึ้น 20% ส่วนการพัฒนาแบรนด์สินค้า ตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี จะพัฒนาแบรนด์สินค้าไทย ที่มีศักยภาพด้านการตลาดเพิ่มเป็น 650 แบรนด์ จากเดิม 500 แบรนด์ และผลักดันให้เกิดแบรนด์สินค้าไทยในระดับโลกเป็น 40 แบรนด์ จากปัจจุบันที่มีน้อยมาก

      สำหรับ การทำตลาดผ่านอี-คอมเมิร์ซนั้น กรมฯ มีเว็บไซต์ thaitrade.com ซึ่งเป็นตลาดกลางซื้อขายสินค้าไทยในรูปแบบ b2b แต่จะผลักดันให้เกิดรูปแบบ b2c โดยขายตรงถึงผู้บริโภค และจะผลักดันให้มีผู้ประกอบการเข้าซื้อขายในเว็บไซต์จาก 20,000 ราย เพิ่มเป็น 100,000 ราย ใน 3 ปี และเพิ่มเป็น 200,000 ราย ใน 5 ปี รวมถึงจะเชื่อมโยงเว็บดังกล่าวกับเว็บไซต์ระดับโลกอย่าง alibaba.com สำหรับเจาะตลาดจีน และ amazon.com สำหรับเจาะตลาดยุโรป และสหรัฐฯ

ดูแล SMEs การค้าการลงทุน และเกษตรสมัยใหม่ เป็นต้น

      น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ กรมฯ จะร่วมมือกับกรมการค้าต่างประเทศและกรมทรัพย์สินทางปัญญา ทำแผนให้ความรู้แก่เกษตรกรเพื่อผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาด และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรดั้งเดิมของไทย ตั้งเป้าเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 15% โดยมันสำปะหลังจะผลักดันให้ปลูกมันคุณภาพ เพื่อนำไปแปรรูปเป็นสินค้าอื่นๆ ข้าว จะผลักดันให้ปลูกข้าวคุณภาพพิเศษ ป้อนความต้องการของตลาด และผลักดันการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) และทำตลาดให้กับสินค้าจีไอ

     นอกจากนี้ มีแผนที่จะผลักดันตลาดชุมชน และเชื่อมตลาดชุมชนเข้าสู่ตลาดกลาง เพื่อช่วยในการกระจายสินค้า โดยจะพัฒนาให้ตลาดกลางใหญ่ขึ้น มีทั้งคลังสินค้า ห้องเย็น ไซโล ตั้งเป้านำร่อง 5 แห่งในเชียงราย อุดรธานี ราชบุรี จันทบุรี และนครศรีธรรมราช เพื่อเป็นต้นแบบในการเป็นศูนย์กระจายสินค้าเกษตร ประมง ผักและผลไม้ และจะผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า 3 แห่ง ที่สระแก้ว อุดรธานี และราชบุรี เพื่อกระจายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม)

    ขณะเดียวกัน มีแผนที่จะผลักดันให้เกิดหมู่บ้านทำมาค้าขายให้ได้ไม่ต่ำกว่า 10 หมู่บ้าน เพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจระดับฐานราก

        นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในส่วนการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ กรมฯ จะไม่ดูแค่ด้านการค้าเพียงอย่างเดียว แต่จะดำเนินการผลักดันทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวควบคู่กันไป โดยตลาดเป้าหมายอยู่ที่ CLMV โดยจะทำการเจาะตลาดเป็นรายเมือง สร้างเครือข่ายธุรกิจไทยกับตลาดเป้าหมาย ผลักดันให้ธุรกิจไทยเข้าไปลงทุน โดยให้ธุรกิจรายใหญ่ที่ไปลงทุนแล้วเป็นโค้ชให้ คล้ายๆ กับโครงการพี่จูงน้องที่เน้นด้านการค้าสินค้า ซึ่งตั้งเป้าผลักดันการค้าเพิ่มขึ้น 15% และการลงทุนเพิ่มขึ้น 20%

   ส่วนการพัฒนาแบรนด์สินค้า ตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะพัฒนาแบรนด์สินค้าเพิ่มเป็น 650 แบรนด์ จากเดิม 500 แบรนด์ และในจำนวนนี้เป็นแบรนด์อินเตอร์ 40 แบรนด์ จากเดิมที่มีอยู่เพียงแค่ 10 แบรนด์

     สำหรับ การทำตลาดผ่านอีคอมเมิร์ซ ผ่านเว็บไซต์ thaitrade.com จะผลักดันให้มีผู้ประกอบการเข้าซื้อขายในเว็บไซต์จาก 2 หมื่นรายเพิ่มเป็น 1 แสนรายใน 3 ปี และเพิ่มเป็น 2 แสนรายใน 5 ปี และจะทำการเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ระดับโลกอย่างลาลีบาบา สำหรับเจาะตลาดจีน และอะเมซอน สำหรับเจาะตลาดยุโรปและสหรัฐ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!