- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 08 May 2014 22:09
- Hits: 4168
พาณิชย์ ยอมรับส่งออกไม่ถึงเป้า 5% รุกหนักเจาะตลาดอินโดฯ หลังยอด2เดือนแรกลบ 18%
แนวหน้า : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผนึกเอกชน ดันยอดส่งออกตลาดอินโดนีเซีย หลังส่งออก 2 เดือนแรกติดลบ เตรียมคุยทุตพาณิชย์ในต้นเดือนหน้า ช่วยขยับออเดอร์สินค้า
มีรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การส่งออกรวมในปี2557 ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ เคยตั้งเป้าตัวเลขเติบโตไว้ที่ 5% อย่างไรก็ตามล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ เริ่มไม่มั่นใจแม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลง เพราะปัจจัยทางการเมือง ยังไม่คลี่คลาย รวมทั้งปัจจัยจากเศรษฐกิจโลก ล่าสุดมีแนวโน้มจะปรับลดยอดส่งออกรวมเหลือเพียง 3% แต่ต้องรอลุ้นหลังการประชุมทูตพาณิชย์ในเดือนพฤษภาคมก่อน ทั้งนี้ปัจจุบันโครงสร้างเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นสัดส่วน 75-80% หากไม่เป็นตามเป้าจะกระทบผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ด้วย
ร.อ.สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวในงานเสวนา “Insight Indonesia: รู้อิเหนา รู้เรา เข้าใจตลาด เมื่อวันที่ 25เมษายน2557 โดยยอมรับว่า ในเดือนพฤษภาคมนี้จะมีการประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลก เพื่อทบทวนเป้าหมายการส่งออกเป็นรายตลาด และภาพรวมการส่งออกทั้งปี เพื่อให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 5%
ในส่วนการดันเป้าส่งออกตลาดอินโดนีเซียถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ โดยในปี 2557 นี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศวางเป้าหมายที่จะส่งออกสินค้าไปยังตลาดอินโดนีเซีย ให้ขยายตัวได้ที่ 4% ด้วย
สำหรับประเทศอินโดนีเซียในตอนนี้ เริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ โดยมียอดการลงทุน เพิ่มเฉลี่ยปีละประมาณ 20% เพราะนักลงทุนมองว่าเป็นประเทศที่มีขนาดของเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และมีจำนวนประชากรมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งยังมีการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6% มาหลายปีติดต่อกัน อย่างไรก็ตามการลงทุนในตลาดอินโดนีเซีย ยังมีอุปสรรคทั้งจากปัจจัยภายนอกจากเศรษฐกิจโลก และในเรื่องการปรับเปลี่ยนกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆให้เอื้อประโยชน์ และปกป้องเศรษฐกิจ และธุรกิจในประเทศมากขึ้น
“การส่งออกของไทยไปอินโดนีเซีย ในปี 2556 มีมูลค่า 10,872 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 3.01% รวมทั้งในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2557 ส่งออกได้มูลค่า 1,566 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบสูงถึง 18.95% การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจตลาดอินโดนีเซีย จะช่วยให้มีประสิทธิภาพการในแข่งขันได้มากขึ้น”
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า การไปลงทุนในธุรกิจอาหารในอินโดนีเซียจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยอย่างมาก โดยเฉพาะการผลิตอาหารฮาลาล ส่งออกไปยังตลาดมุสลิมที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามทั่วโลก 2,000 ล้านคน เนื่องจากเครื่องหมายฮาลาลของอินโดนีเซียเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ต่างจากประเทศไทย ที่ต้องอาศัยการรับรองจากประเทศมาเลเซีย อีกทั้งอินโดนีเซียยังมีแหล่งวัตถุดิบในการผลิตอาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเล และมีค่าจ้างขั้นต่ำที่ถูก รวมถึงมีการสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่สามารถส่งออกไปในยุโรป และ สหรัฐ ในอัตราภาษีที่ต่ำกว่าไทย ซึ่งไทยก็มีศักยภาพด้านการผลิตและเทคโนโลยี หากร่วมทุนกันก็จะขยายตลาดได้ง่ายและมากขึ้น และยังเป็นการลดความเสี่ยงทั้งการถูกโกงและการถูกเอาเปรียบ แต่ทั้งนี้ก็ควรศึกษาประวัตินักธุรกิจที่ต้องการร่วมทุนให้ดีก่อนด้วย
นายพีท น้อยอ่ำ รองกรรมกรรผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจแปรนไซส์ต่างประเทศ บริษัท อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด กล่าว่า ความต้องการสินค้าไทยในตลาดอินโดนีเซียยังมีปริมาณสูง แต่การทำธุรกิจในตลาดอินโดนีเซียจำเป็นต้องมีความรอบคอบและมีความพร้อมสูง เพราะกฎหมายจะเอื้อต่อผู้ค้าในประเทศอย่างมาก รวมถึงเรื่องของลิขสิทธิ์ที่ต้องเร่งดำเนินการทันที ส่วนธุรกิจที่มีแนวโน้มไปได้ดีคือ ขนมไทย เพราะเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก