WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCอภรด ตนตราภรณไทย-เมียนมา เตรียมหารือการค้าระหว่างกัน ให้มีมูลค่า 10-12 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 60

    นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มีกำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย - เมียนมา ครั้งที่ 7 โดยเมียนมาจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 15 มกราคม 2559 ณ กรุงเนปิดอว์ ทั้งนี้ การประชุม JTC เป็นกลไกการหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าระดับทวิภาคีระหว่างไทยกับเมียนมา เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกัน มีการประชุมมาแล้ว 6 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดมีขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555

     ประเด็นสำคัญที่จะมีการหารือในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่

     การตั้งเป้าหมายการค้าสองฝ่าย ให้มีมูลค่า 10-12 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2560

    ความร่วมมือด้านการส่งเสริมการค้าชายแดน โดยการกำหนดเป้าหมายการค้าชายแดนสองฝ่ายให้มีมูลค่า 300,000 ล้านบาทภายในปี 2560 และกำหนดมาตรการในการส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างเมืองชายแดนที่มีความสำคัญทางการค้า เช่น แม่สอด-เมียวดี

  ความร่วมมือด้านการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาและแนวทางการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าการลงทุน การแลกเปลี่ยนการเยือน การจัดงานแสดงสินค้าและจับคู่ธุรกิจ และการเปิดและยกระดับจุดผ่านแดน เป็นต้น

 ความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร โดยหารือเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพและอำนวยความสะดวกในการค้าสินค้าเกษตรบริเวณชายแดน รวมทั้งแนวทางความร่วมมือเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรทั้งสองประเทศ

 ความร่วมมือในการเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยหารือถึงความร่วมมือในการเชื่อมโยงทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และการจัดทำความ ตกลงด้านการขนส่งระหว่างไทยกับเมียนมา

 ความร่วมมือด้านการเงินและการธนาคาร ผลักดันความร่วมมือในด้านการเงินการธนาคารของทั้งสองประเทศผ่านการสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเร่งดำเนินการในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและเขตเศรษฐกิจพิเศษอื่นๆ และขยายไปยังทั่วประเทศต่อไป รวมถึงเพิ่มความร่วมมือในการให้บริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ของทั้งสองประเทศ

 ความร่วมมือเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษและพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงและการพัฒนาอุตสาหกรรมสาขาต่างๆ ระหว่างไทยกับเมียนมา

 ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เพื่อหาแนวทางความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวโดยการพัฒนาเส้นทางและโครงการท่องเที่ยวร่วมกันระหว่างสองประเทศ เพื่อเชื่อมโยงวัฒนธรรมและสร้างรายได้ให้แก่ท้องถิ่น

 ความร่วมมือด้านวิชาการ การพัฒนาบุคลากร เช่น โครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน การพัฒนาบุคลากรในอนุภูมิภาคร่วมกัน

 ทั้งนี้  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า โดยที่การค้าชายแดนซึ่งมีสัดส่วนกว่า ร้อยละ 80 ของการค้าไทย-เมียนมา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ฝ่ายไทยจะได้ยกขึ้นหารือ เพื่อหาแนวทางความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดน โดยจะได้ติดตามการพิจารณาของฝ่ายเมียนมาต่อข้อเสนอยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของแม่สอด-เมียวดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้หารือไว้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เมียนมา เมื่อเดือนมกราคม 2558 เพื่อสนับสนุนการค้าชายแดน

 รวมทั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีไทยได้นำคณะไปเยือนญี่ปุ่น ในโอกาสนี้กระทรวงพาณิชย์ไทยกับกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของญี่ปุ่น ได้ลงนามบันทึกความตั้งใจในการพัฒนาบุคลากรของไทย+1 ประเทศเพื่อนบ้านให้เป็นแรงงานฝีมือในสาขาอุตสาหกรรมหลัก ซึ่งเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอนุภูมิภาค และต่อเมียนมาด้วย ทั้งนี้ จะประสานรายละเอียดเกี่ยวกับสาขาที่เมียนมาสนใจให้มีการดำเนินการร่วมกันต่อไป นอกเหนือจากการเสนอตั้งเป้าหมายการค้าชายแดนระหว่างกันให้มีมูลค่า 300,000 ล้านบาท ในปี 2560 แล้ว  อีกเป้าหมายหนึ่ง คือ การเสนอให้มีการจัดตั้งสภาธุรกิจร่วมไทย-เมียนมา ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายเพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันอีกช่องทางหนึ่งด้วย

    ปัจจุบันเมียนมาเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6 ของไทยในอาเซียน และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 17 ของไทยในโลก ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2553-2557) การค้าระหว่างไทยกับเมียนมา มีมูลค่าเฉลี่ยประมาณปีละ 6,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 14.06 ต่อปี ในปี 2557 มีมูลค่าการค้ารวม 8,155.83 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นการส่งออก 4,239.11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนำเข้า 3,916.72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2558 (ม.ค.-ต.ค.) การค้ารวมไทย-เมียนมา มีมูลค่า 6,586.54 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.15 เป็นการส่งออก 3,442.17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนำเข้า 3,144.37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!