WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCฉตรชย สารกลยพาณิชย์ ประกาศคุมเข้มการนำข้าวเน่าในสต็อกรัฐฯ เข้าไปใช้ในอุตสาหกรรม ป้องกันการรั่วไหล- ใช้ผิดวัตถุประสงค์

     พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ ในฐานะรองประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เปิดเผย หลังจากการประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับการนำข้าวเข้าไปใช้ในอุตสาหกรรมว่า สืบเนื่องจากที่ นบข. ได้เห็นชอบผลการประมูลข้าวผิดไปจากมาตรฐาน ในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคนหรือสัตว์ ครั้งที่ 1/2558 ให้แก่ผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าเพื่อการจำหน่าย และผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี และผลิตสารปรับปรุงดิน ในราคา 5,020 – 5,420 บาทต่อตัน ใน 10 คลัง 7 จังหวัด ปริมาณรวม 37,412 ตัน มูลค่า 198 ล้านบาท

     สำหรับ การดำเนินการต่อจากนี้ ผู้เสนอซื้อจะต้องทำสัญญาซื้อขายข้าวกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ภายใน 15 วันทำการ พร้อมทั้งยื่นแผนการขนย้ายข้าวและแผนการนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมตามที่ผู้ซื้อได้รับรองวัตถุประสงค์ในการนำข้าวไปใช้ตามที่ได้แจ้งไว้ และเพื่อเป็นการป้องกันการรั่วไหลข้าวเข้าสู่ระบบการค้าปกติและผลกระทบต่อชื่อเสียงของข้าวไทย ซึ่ง นบข. ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอย่างมาก จึงได้กำหนดมาตรการในการกำกับดูแลโดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

  · อคส. และ อ.ต.ก. กำหนดเงื่อนไขและบทลงโทษในสัญญาซื้อขายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรม

  ·  กองกำลังรักษาความสงบในพื้นที่จังหวัดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะทำงานสุ่มตรวจการส่ง-มอบข้าวตามแผนการขนย้ายข้าวสาร โดย อคส. เป็นผู้รับผิดชอบหลัก

  ·  แต่งตั้งคณะทำงานในระดับจังหวัด เพื่อสุ่มตรวจสอบบัญชีคุมสินค้าแสดงปริมาณการได้มา ปริมาณการใช้รายวันนับแต่วันที่ได้รับข้าวสารเก็บไว้ ณ สถานที่เก็บ

  การดำเนินการดังกล่าว นบข. มั่นใจว่า จะสามารถควบคุมและกำกับดูแลไม่ให้ข้าวเล็ดลอดเข้าสู่วงจรค้าข้าวเพื่อการบริโภค ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตลาดและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย 

นบข.ไฟเขียวเอกชน 2 รายชนะประมูลข้าวในสต็อกไปใช้ในอุตฯ-วางมาตรการเข้มป้องกันรั่วไหลเข้าระบบ

   พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับการนำข้าวเข้าไปใช้ในอุตสาหกรรมว่า สืบเนื่องจากที่ นบข.ได้เห็นชอบผลการประมูลข้าวผิดไปจากมาตรฐานในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคนหรือสัตว์ ครั้งที่ 1/2558 ให้แก่ผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 2 ราย คือ บริษัท สินไชยศรี จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจไฟฟ้าเพื่อการจำหน่าย ประมูลได้ 16,183 ตันและ บริษัท ว.ธนทรัพย์ จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี ประมูลได้ 21,229 ตัน โดยประมูลไปได้ในราคาประมาณ 5,020-5,420 บาท/ตัน ปริมาณรวม 37,412 ตัน มูลค่า 198 ล้านบาท

     สำหรับ การดำเนินการต่อจากนี้ ผู้เสนอซื้อจะต้องทำสัญญาซื้อขายข้าวกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ภายใน 15 วันทำการ พร้อมทั้งยื่นแผนการขนย้ายข้าวและแผนการนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมตามที่ผู้ซื้อได้รับรองวัตถุประสงค์ในการนำข้าวไปใช้ตามที่ได้แจ้งไว้ และเพื่อเป็นการป้องกันการรั่วไหลข้าวเข้าสู่ระบบการค้าปกติและผลกระทบต่อชื่อเสียงของข้าวไทย ซึ่ง นบข.ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอย่างมาก จึงได้กำหนดมาตรการในการกำกับดูแลโดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

     1. ให้อคส. และ อ.ต.ก.กำหนดเงื่อนไขและบทลงโทษในสัญญาซื้อขายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรม

      2. ให้กองกำลังรักษาความสงบในพื้นที่จังหวัดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะทำงานสุ่มตรวจการส่ง-มอบข้าวตามแผนการขนย้ายข้าวสาร โดย อคส.เป็นผู้รับผิดชอบหลัก

      3.แต่งตั้งคณะทำงานในระดับจังหวัด เพื่อสุ่มตรวจสอบบัญชีคุมสินค้าแสดงปริมาณการได้มา ปริมาณการใช้รายวันนับแต่วันที่ได้รับข้าวสารเก็บไว้ ณ สถานที่เก็บ

    พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าว นบข.มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมและกำกับดูแลไม่ให้ข้าวเล็ดลอดเข้าสู่วงจรค้าข้าวเพื่อการบริโภค ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตลาดและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

     ขณะที่คาดว่าผลผลิตข้าวเปลือกนาปี 58/59 จะอยู่ที่ 22.98 ล้านตัน เป็นข้าวเปลือกหอมมะลิ 6 ล้านตัน ข้าวเปลือกเหนียว 6.74 ล้านตัน ซึ่งทั้ง 2 ชนิดเก็บเกี่ยวแล้ว ที่เหลือเป็นข้าวเปลือกเจ้า 10.24 ล้านตัน คาดว่าเดือนธ.ค.58 และ ก.พ.59 จะมีผลผลิตออกมา 4.5 ล้านตัน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง

       ในส่วนของแผนการพยุงราคาข้าว จะมีการเสนอ นบข.ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ 2 เรื่อง คือ 1.ให้ขยายเวลาการเก็บสต็อกข้าวของโรงสีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับซื้อข้าวจากชาวนาเก็บไว้ในสต็อก โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ 3% ตั้งเป้ารับซื้อข้าว 2.5 ล้านตัน

     2.จะเสนอแนวทางลดปัจจัยการผลิต ลดราคาปุ๋ยลงอีกกระสอบ 10-30 บาท จากที่เคยลดราคาลงแล้วกระสอบละ 40-50 บาทเมื่อเดือนเมษายน 2558 โดยครั้งนี้จะลดราคาจนถึง 30 พ.ค.59, ลดราคายาปราบศัตรูพืช, รถเกี่ยวข้าว, ค่าเช่าที่นา

      นอกจากนี้ ทางสมาคมผู้ส่งออกข้าวจะรับซื้อข้าวอีก 1 แสนตัน หลังจากเคยซื้อไปแล้วในช่วงที่ผ่านมาในราคา 13,500 บาท/ตัน สำหรับข้าวเปลือก และ 26,000 บาท/ตัน

            อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!