WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCสวทย เมษนทรยพาณิชย์ เดินหน้ายกระดับบริการเอกชน มุ่งสร้างภาพลักษณ์-ดึงนักลงทุน

    แนวหน้า : นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ หารือร่วมกับภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นๆ ในการวางแนวทางการปรับปรุงบริการ ให้ภาคเอกชนสามารถประกอบธุรกิจได้สะดวก รวดเร็ว และง่ายมากขึ้น เพื่อยกระดับการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลกให้ไทยอยู่ในระดับที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน ทั้งนี้ภาคเอกชนยินดีที่จะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจได้รับรู้แนวทางปฏิบัติต่างๆ ขณะที่กระทรวงก็ได้ดำเนินการปรับปรุงบริการตามที่ภาคเอกชนเสนอแนะแล้ว

     การปรับปรุงบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการไทย นอกจากจะช่วยให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้ง่าย รวดเร็ว ลดภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแล้ว ยังมีผลต่อการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก ซึ่งจะมีผลต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในการเข้ามาประกอบธุรกิจของนักลงทุนด้วยนายสุวิทย์ กล่าว

    สำหรับ สิ่งที่กระทรวงได้ดำเนินการแล้ว เช่น การจดทะเบียนวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งธุรกิจ โดยขอให้ระบุวัตถุประสงค์แบบกว้าง หรือแบบ Negative List ซึ่งกระทรวงได้ปรับปรุงการให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดขั้นตอน ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายต่างๆ ของภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการ ณ จุดเดียวทั้งการยื่นจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า, ขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ของกรมสรรพากร และขอขึ้นทะเบียนนายจ้าง ของสำนักงานประกันสังคม รวมทั้งยื่นสำเนาข้อบังคับการทำงาน กรณีมีลูกจ้างมากกว่า 10 คนขึ้นไป ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพียงจุดเดียว ซึ่งจะใช้เวลาภายใน 60 นาที รวมถึงการเพิ่มความสะดวก โดยการนำเทคโนโลยีมาให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration)

     นอกจากนี้ กระทรวงได้พิจารณากรณีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียนแทนรวมถึงมอบอำนาจให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทนในการประชุมคณะกรรมการของบริษัทเป็นเรื่องเฉพาะตัวของกรรมการ ซึ่งกระทรวงได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบธุรกิจ โดยผู้ขอจดทะเบียนสามารถลงนามในคำขอจดทะเบียนต่อหน้าทนายความหรือผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้ เป็นการลดภาระของผู้ประกอบธุรกิจ ไม่ต้องเดินทางมาลงนามในคำขอต่อหน้านายทะเบียนด้วยตนเอง

    ส่วนการอำนวยความสะดวกอื่นๆ นั้น กระทรวงได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอจดทะเบียนกรณีที่มีเอกสารประกอบจำนวนมาก เช่น การจดทะเบียนเพิ่มหรือยกเลิกสำนักงานสาขา โดยกำหนดให้ผู้ขอจดทะเบียน แจ้งเฉพาะสาขาที่จะทำการเพิ่มเติม โดยไม่ต้องระบุที่ตั้งสำนักงานสาขาทั้งหมดเหมือนที่ผ่านมา

    สำหรับ การขออนุญาตประกอบธุรกิจคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น ซึ่งมีหลายขั้นตอนนั้น กรมการค้าภายใน ได้มีการปรับปรุง

     กฎหมายโดยออก พ.ร.บ. คลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ.2558 โดยได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ใหม่ เป็นการขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมการค้าภายใน จากเดิมต้องขอจากรัฐมนตรี ทำให้กระบวนการรวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2558 จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 120 วัน นับตั้งแต่วันประกาศ คือตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!