- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 22 September 2015 08:11
- Hits: 8637
รมช.พาณิชย์ หนุนตั้งศูนย์เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจตอบโจทย์ SMEs โตยั่งยืน
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ “Building Competitive Enterprise"ว่า การจัดตั้ง 'ศูนย์เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ' เป็นสิ่งที่ดีและสามารถตอบโจทย์ให้แก่ SMEs ได้ โดยการที่จะทำให้ SMEs ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนนั้นมีด้วยกัน 3 เรื่อง คือ การมีพันธมิตรเครือข่าย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็มีการผลักดันให้เกิดสมาคมการค้า ซึ่งจะเป็นพลังที่จะทำให้เกิดความร่วมมือกัน, การมีความโดดเด่นในบางเรื่องของธุรกิจ โดยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ ต้องเข้าไปช่วยเพิ่มขีดความสามารถในส่วนนี้ และส่วนที่สำคัญอีกส่วนหนึ่ง คือการสร้างโมเดลทางธุรกิจที่จะช่วยให้ภาคเอกชนมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าที่จะคิดขึ้นมา และมีตัวช่วยสนับสนุน
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางการค้า หรือยุทธศาสตร์การค้าใหม่ นับจากนี้ไปจะไม่ใช่การแข่งขันกันระหว่างประเทศกับประเทศ แต่จะเป็นการแข่งขันกันระหว่างเมืองกับเมือง โดยที่ผ่านมานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง จัดยุทธศาสตร์การค้าใหม่จากเดิมที่เน้นการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เป็นการรุกตลาดเมืองสำคัญของโลก ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง จำนวน 50 เมือง โดยให้กระทรวงพาณิชย์จัดทูตพาณิชย์ไปเจรจาทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในเมืองเหล่านี้ รวมถึงให้นำสินค้าท๊อปไทยแบรนด์ และสินค้า SMEs ที่มีศักยภาพเข้าไปตีตลาดในเมืองหลักของโลก โดยมองว่าปัจจุบันความเป็นเมืองมีนัยสำคัญมากกว่าประเทศ เนื่องด้วยโลกกำลังก้าวสู่กระแสสังคมเมือง ความมั่งคั่งจึงรวมอยู่ในเมือง ดังนั้นจะต้องเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ
ขณะดียวกัน ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ประเมินภาพรวมการส่งออกที่แต่ละแห่งรับผิดชอบว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ เนื่องจากมีบางตลาดที่พลาดเป้า ซึ่งยอมรับว่าคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกในเดือนต.ค.นี้จะน้อยลง จากกำลังจะเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส ดังนั้นทูตพาณิชย์จะต้องทำแผนว่าจะรุกตลาดส่งออกใหม่อย่างไรบ้าง โดยในอนาคตจะจัดทัพทูตพาณิชย์ใหม่ โดยจะให้ทูตการค้าที่มีความสามารถมาดูแลประเทศในอาเซียนมากกว่ายุโรป เพราะอาเซียนกำลังเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย และยังคงมั่นใจว่า การส่งออกของปีนี้จะยังติดลบ 3%
"ในเรื่องของยุทธศาสตร์การค้าใหม่ นับจากนี้ไปจะไม่ใช่การแข่งขันกันระหว่าง Sector กับ Sector แต่จะเป็น Enterprise แข่งกับ Enterprise โดยจะแข่งกันในนามของคลัสเตอร์ เช่น กลุ่มของวิสาหกิจแข่งกับวิสาหกิจ ขณะที่ในมิติที่ 2 จะเกิดการแข่งขันกันระหว่างเมืองกับเมืองมากขึ้น จากเดิมที่มีการแข่งขันกันระหว่างประเทศ เป็นผลมาจากปัจจุบันมีการเข้าสู่สังคมเมืองอย่างเห็นได้ชัด ประชานส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองมากกว่าชนบท ฉะนั้นจะต้องมองเมืองเหล่านี้เป็นยุทธศาสตร์ของประเทศ เนื่องด้วยการแข่งขัน ความมั่งคั่งจะร่วมอยู่ในเมือง" นายสุวิทย์ กล่าว
สำหรับ การดำเนินนโยบายรัฐบาลชุดนี้จะหันมามองในเรื่องของความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยการช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในอดีตจะกล่าวถึงการเข้าถึงทางการเงิน การเข้าถึงตลาด การเข้าถึงแรงงาน และการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบ ซึ่งรัฐบาลก็ได้ร่างพ.รบ.หลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลและเงินทุนต่างๆได้มากขึ้น แต่ในศตวรรษที่ 21 การเข้าถึงเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ ซึ่งโจทย์ที่สำคัญจะทำอย่างไรให้ SMEs ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเกิดความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแพ็คเกจช่วยเหลือ SMEs โดยเน้นการสร้างตลาดให้ SMEs และเชื่อมโยง SMEs ไปสู่ตลาดโลก โดยจะใช้งบประมาณ 4-5 พันล้านบาท ภายในช่วงเวลา 3 ปี เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้มากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันจะปรับยุทธศาสตร์พาณิชย์จังหวัดให้มีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดตามแนวชายแดน เพื่อให้มีความเข้าใจเรื่องของความมั่งคั่ง และการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการร่วมมือผลักดันการค้า
อินโฟเควสท์