- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 13 September 2015 15:57
- Hits: 7382
‘พาณิชย์’แจงจัดระบบซื้อขายปาล์มน้ำมัน มุ่งยกระดับคุณภาพ-แข่งตลาดโลก
แนวหน้า : น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประกาศราคาแนะนำในการรับซื้อผลปาล์มสด ของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (ส.กกร.) เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 ที่กำหนดให้ลานเทปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ และรับซื้อผลปาล์มดิบเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 3.20 บาท, ผลปาล์มดิบเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% ในราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 3.50 บาท, ผลปาล์มดิบเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 19% ในราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 3.80 บาท และหากเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงขึ้นทุก 1% ให้เพิ่มราคารับซื้อขึ้นไม่ต่ำกว่า กก.ละ 0.30 บาท
ทั้งนี้ เพื่อให้สะท้อนราคาตลาดที่แท้จริง ยกระดับคุณภาพปาล์มทั้งระบบให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ และการกำหนดราคาแนะนำจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไม่ให้โดนกดราคารับซื้อผลปาล์ม ขณะที่ราคาแนะนำรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ ให้รับซื้อในราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 20.30 บาท
“ขณะนี้ ราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียค่อนข้างต่ำกว่าไทยประมาณ 3-4 บาทต่อ กก. หรือราคาอยู่ประมาณ กก.ละ 16.40 บาท ทำให้เป็นการกดดันราคาน้ำมันปาล์มในไทยถูกลงด้วย ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกษตรกรถูกกดราคารับซื้อ และสร้างความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย กระทรวงพาณิชย์ จึงได้ออกประกาศราคาแนะนำรับซื้อปาล์มใหม่ ซึ่งราคาดังกล่าวจะช่วยให้ไทยสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ อีกทั้งการยกระดับเปอร์เซ็นต์ปาล์มน้ำมันขึ้น เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่สามารถผลิตผลปาล์มที่มีคุณภาพได้ และปกติจะมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันอยู่ที่ประมาณ 19% หากเกษตรกรตัดปาล์มอย่างถูกวิธี เก็บอย่างมีคุณภาพ ก็เชื่อว่าเปอร์เซ็นต์น้ำมันจะสูงกว่า 17% แน่นอน” น.ส.ชุติมา กล่าว
นอกจากนี้ ในการจัดระบบซื้อขายผลปาล์มและปาล์มน้ำมัน คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ยังได้มีมติให้ลานเท ผู้ประกอบการซื้อหรือขาย คลังรับฝาก ผู้ค้าส่ง(ห้างค้าปลีก/ยี่ปั๊ว) ที่มียอดขายตั้งแต่เดือนละ 500 ตันขึ้นไป และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ที่มียอดซื้อตั้งแต่เดือนละ 500 ตันขึ้นไป มีการแจ้งปริมาณสถานที่เก็บและจัดทำบัญชีควบคุมต่อ กกร.จังหวัดภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน ขณะที่โรงสกัดก็ต้องจัดทำบัญชีรายวัน บันทึกอัตราเปอร์เซ็นต์ของน้ำมันปาล์มที่ผลิตได้ต่อวัน ปริมาณรับซื้อผลปาล์มรายวัน
ในขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ ยังได้กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออุดช่องโหว่การลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม เพราะราคาน้ำมันปาล์มในไทยที่สูงกว่าราคานอกประเทศ อาจทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าได้ ดังนั้นหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงได้ดำเนินการเข้มงวด ตรวจสอบ กำกับและควบคุมการนำเข้า ทั้งการขนย้ายน้ำมันปาล์ม การลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มสำเร็จรูปตามแนวชายแดน การลักลอบนำเข้าทางทะเล การขนย้ายผ่านแดน และการสำแดงพิกัดสินค้าเป็นอย่างอื่น
น.ส.ชุติมา กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังได้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบระดับจังหวัดขึ้น โดยมีพาณิชย์จังหวัด เป็นประธานคณะทำงาน การค้าภายในจังหวัด เป็นฝ่ายเลขานุการ ทั้งนี้คณะทำงานประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย และสภาเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งในครั้งล่าสุดได้มีการตรวจสต๊อกเมื่อวันที่ 26-28 สิงหาคม 2558 พบว่ามีอยู่ 450,000 ตัน สูงกว่าระดับปกติถึง 200,000 ตัน ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงได้กำหนดมาตรการดูแลระบบปาล์มน้ำมันทั้งระบบอย่างจริงจัง
พณ.ลดราคาซื้อปาล์มลง 3.20 บ.
บ้านเมือง : น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวง พาณิชย์เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มใหม่ โดยปรับลดราคาแนะนำในการรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรใหม่ จากเดิมที่ซื้อผลปาล์มอัตราน้ำมัน 17 เปอร์เซ็นต์ ในราคา 4.20 บาทลดลงเหลือ 3.20 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อให้สะท้อนราคาตลาดที่แท้จริง และเป็นราคาที่เกษตรกรรับได้ หลังจากก่อนหน้านี้กำหนดราคารับซื้อสูง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ทำให้ไม่สามารถส่งออกไปแข่งขันในต่างประเทศได้ เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มของมาเลเซียถูกกว่าไทยค่อนข้างมาก กดดันให้สต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศสูงกว่าปกติ โดยการปรับลดราคาแนะนำดังกล่าวจะมีผลทำให้ราคารับซื้อน้ำมันปาล์มดิบของไทยอยู่ที่กิโลกรัมละ 20.30 บาท ในขณะที่ราคาของมาเลเซียอยู่ที่กิโลกรัมละ 16.40 บาท ซึ่งผู้ประกอบการไทยยังพอมีช่องทางที่จะสามารถส่งออกไปแข่งขันได้ เพราะเดิมราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยก็จะห่างจากมาเลเซียประมาณ 3-4 บาทต่อกิโลกรัมอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ยังจัดระบบซื้อขายผลปาล์มและน้ำมันปาล์มใหม่โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติให้แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้าน้ำมันปาล์มอย่างเคร่งครัด โดยผู้ประกอบการลานเท ผู้ประกอบการซื้อ-ขาย คลังรับฝาก ผู้ค้าส่งที่มียอดขายตั้งแต่เดือนละ 500 ตันขึ้นไป และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่มียอดซื้อตั้งแต่เดือนละ 500 ตันขึ้นไป จะต้องแจ้งข้อมูลเข้ามาที่ กกร.จังหวัดภายในวันที่ 5 ของทุกเดือนเป็นรายเดือน และจะต้องแสดงอัตราร้อยละของน้ำมันปาล์มที่โรงงานสกัด ผลิตได้จากการรับซื้อผลปาล์มในจุดที่เห็นได้ชัดด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มในประเทศสูงกว่าราคานอกประเทศ ทำให้ต้องกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม โดยได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการเข้มงวดตรวจสอบกำกับและควบคุมการนำเข้าน้ำมันปาล์ม เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มสำเร็จรูปตามแนวชายแดน การลักลอบนำเข้าทางทะเล การขนย้ายผ่านแดน และการแสดงพิกัดสินค้าเป็นอย่างอื่นด้วย
โดยจากการปูพรมตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบล่าสุดระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค.ที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนมากถึง 450,000 ตัน ซึ่งสูงกว่าระดับสตอกปกติ ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2 แสนตันค่อนข้างมาก โดยกระทรวงพาณิชย์จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อเป็นการช่วยเหลือไม่ให้เกษตรกรถูกเอาเปรียบและจัดระบบน้ำมันปาล์มใหม่ให้เป็นสากล จากเดิมที่ไม่มีระบบระเบียบเลย
