WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Gสมคด จาตศรพทกษดูแลปัญหาปากท้องชาวบ้าน-จับมือเอกชนดันส่งออก สมคิด’บี้พาณิชย์ทำงานเชิงรุก

     แนวหน้า : 'สมคิด'สั่งพาณิชย์จัดทัพใหม่ เดินหน้า 4 นโยบาย ดูแลราคาสินค้า ค่าครองชีพ ดันเอกชนเป็นทัพหน้ากระตุ้นการส่งออก พร้อมพัฒนาธุรกิจชุมชนและการค้าในประเทศให้เข้มแข็ง หวังเห็นผลการจดทะเบียนธุรกิจ 1 วัน ภายใน 1 เดือนจากนี้

    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) และสภาหอการค้าไทย เข้าร่วมด้วยว่าจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะต้องมีการจัดทัพการทำงานใหม่ เพื่อรองรับการทำงานในเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการกำชับใน 4 ประเด็นสำคัญ คือ

     1.ให้กระทรวงพาณิชย์ ดูแลราคาสินค้า และค่าครองชีพให้ประชาชน รวมถึงทำงานร่วมกับภาคเอกชนมากขึ้นโดยเฉพาะราคาอาหารและของใช้จำเป็น ที่ประชาชนมองว่าปัจจุบันมีราคาสูง โดยได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์จัดทีมลงตรวจราคาสินค้าในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งให้พาณิชย์จังหวัดทำงานร่วมกับภาคเอกชน และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด หากพบการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค ขณะเดียวกันให้ทำการศึกษาโอกาส ความเป็นไปได้ในการจัดตั้งตลาดกลางสินค้า ตลาดชุมชน ซึ่งจะเป็นตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ ในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้เป็นแหล่งกระจายสินค้าจำเป็นไปในพื้นที่มากขึ้น

     2.ให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ให้มีราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสม รักษาระดับเสถียรภาพของราคา โดยกระทรวง ต้องมีการจัดทีมลงไปดูตลาดสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว

     3.การส่งออกของประเทศ จะต้องมีการทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อให้เอกชนสามารถทำการค้าระหว่างประเทศได้คล่องตัวมากขึ้น เพราะเอกชนถือเป็นแม่ทัพใหญ่ในเรื่องของการส่งออก ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์ต้องมีการสนับสนุนผลักดันเอกชนอย่างเต็มที่ อีกทั้งกระทรวง ต้องเน้นเรื่องการเจรจาการค้า โดยจะต้องทำงานร่วมกับกระทรวงต่างประเทศ ผลักดันการค้าภาคบริการ ด้านการจดทะเบียนธุรกิจการค้า ที่ต้องมีการเร่งการทำงาน ให้การจดทะเบียนการค้าให้เสร็จใน 1 วัน

      “หวังว่าภายใน 1 เดือนจากนี้จะเห็นผลเป็นรูปธรรม รวมถึงเน้นนำe-commerce มาเป็นตัวเชื่อมโยงการค้า เพื่อส่งเสริมการตลาด รุกไปยังต่างประเทศมากขึ้น อีกทั้งในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกไม่ดีจะต้องเจาะลึกลึกเป็นรายตลาดมากขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์ต้องเน้นไปยังกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ มีการเจาะลึกไปยังแต่ละจุดในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายสินค้าในประเทศที่มีศักยภาพ เช่น อิหร่าน ปากีสถาน รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น”

      และ 4.กระทรวงพาณิชย์ต้องสร้างการเติบโตในประเทศ ไปพร้อมกับการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาไทยพึ่งพาการส่งออกมากเกินไป ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะต้องเป็นหน่วยงานที่ช่วยสร้างพัฒนาธุรกิจใหม่ๆของไทย สร้างผู้ประกอบการ นักธุรกิจรุ่นใหม่ รวมถึงอาจต้องมีการตั้งหน่วยงานพิเศษในการเข้าไปช่วยส่งเสริม ช่วยพัฒนาสินค้าชุมชนให้มีแหล่งขาย ซึ่งต้องมีการทำงานกับเอกชน และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เช่น การผลักดันสินค้าชุมชน ไปตลาดในแหล่งท่องเที่ยว ในจุดท่องเที่ยวสำคัญของแต่ละพื้นที่

    “การทำงานของรัฐจะเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน และการทำให้การแข่งขันการค้าในตลาดโลก การพึ่งพาการเติบโตภายในประเทศให้เติบโตไปพร้อมกัน ซึ่งในเรื่องการส่งออกภาคเอกชนจะเป็นตัวหลักในการส่งออก จากนี้เอกชนจะต้องสู้อย่างเต็มที่และหากต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ สนับสนุนในด้านใด ก็สามารถเสนอมาได้ ด้านสินค้าก็ต้องมีการพัฒนาให้ตรงตามความต้องการตลาด โดยเร็วๆนี้เอกชนก็จะต้องมีการนำแผนเกี่ยวกับการส่งออกเข้าไปหารือกับนายกรัฐมนตรีด้วย”

    นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ จะนำเรื่องทั้งหมดในการประชุมครั้งนี้ไปหารือกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และจัดทำแผนงาน เพื่อให้สามารถดำเนินการในภาคปฏิบัติ และจะพยายามเร่งดำเนินการให้ได้ภายใน 3 เดือน

    นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสอท.กล่าวว่า ทางสภาอุตสาหกรรมฯ เห็นด้วยกับแนวนโยบายของทางรัฐ โดยเฉพาะในเรื่องของการส่งออกทางสภาอุตสาหกรรมฯ ก็มีแผนหารือเกี่ยวกับอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีผลต่อการส่งออก ก่อนที่จะนำเรื่องไปหารือกับนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีในโอกาสต่อไป

    นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าสภาหอฯ เห็นว่านโยบายของรัฐบาลในการนำกองทุนหมู่บ้านมาใช้ตอนนี้ เป็นเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเชื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนให้มีศักยภาพต่อได้ โดยหอการค้าทั่วประเทศ ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือในการพัฒนาสินค้าชุมชนให้เป็นของฝาก และจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ขณะที่เรื่องของการเจรจาเอฟทีเอ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะช่วยต่อยอดการส่งออกของไทยได้มาก อย่างไรก็ตามก็อยากเสนอภาครัฐเร่งทำการระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ที่มีทั้งข้าวดีและข้าวเสียออกไป เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐที่กว่า 1,200 ล้านบาทต่อเดือน

'สมคิด'บี้พาณิชย์ 3 เดือนดูแลราคาสินค้าเกษตร

      ไทยโพสต์ : พาณิชย์-สมคิดสั่ง 'พาณิชย์'จัดทัพกู้เศรษฐกิจไทย เน้นดูแลค่าครองชีพ ช่วยสินค้าเกษตร จัดลำดับตลาดส่งออกใหม่ให้เอกชนเป็นแม่ทัพ ชูการค้าบริการแข่งขัน ขีดเส้นเข็นมาตรการออกมาได้ครบภายใน 3 เดือน

    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการทำงานให้แก่ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ว่า เรื่องสำคัญเร่งด่วนคือ ให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าข้าว ปาล์มน้ำมัน และยางพารา เพื่อให้ราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสม และให้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกันแก้ไขปัญหา

     สำหรับ การส่งออก ให้กระทรวงพาณิชย์จัดลำดับความสำคัญของกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพใหม่ และใช้วิธีเจาะลึกเข้าไปสร้างเครือข่ายและพัฒนาตลาดที่กำหนดไว้แล้ว เพราะบางประเทศเป็นตลาดใหญ่ แต่กลับมีทูตพาณิชย์ดูแลเพียงคนเดียว จึงต้องจัดทัพใหม่และเสริมบุคลากรเข้าไป เช่น อาเซียนกำลังขยายตัว อาทิ เมียนมา และ สปป.ลาว นอกจากนี้ต้องหาแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้กับภาคเอกชน

    นอกจากนี้ ในด้านการค้าบริการ ถือว่าไทยมีศักยภาพสูงและเติบโตเร็ว เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ภัตตาคาร ภาพยนตร์ และสถานพยาบาล เป็นต้น ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์ต้องผลักดันและส่งเสริมการค้าในภาคบริการนี้มากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้มีการทำธุรกิจการค้าผ่านระบบอี-คอมเมิร์ซมากขึ้น เพราะการค้าในยุคต่อไปคงไม่ใช่เน้นแค่การยกทีมไปโรดโชว์ในต่างประเทศแล้ว

     “มาตรการตามข้อสั่ง อันไหนที่ทำได้ก่อนก็ให้ทำทันที เช่น การลดราคาสินค้า การจดทะเบียนการค้าให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน แต่ภายใน 3 เดือน คาดว่ามาตรการทั้งหมดจะต้องเร่งทำออกมาได้ครบถ้วน” นายสมคิดกล่าว.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!