WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCกระทรวงพาณิชย์ เล็งถกเอฟทีเอไทย-ปากีสถาน

    บ้านเมือง : นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เตรียมนำคณะภาครัฐและเอกชนเดินทางเยือนปากีสถาน เพื่อเข้าร่วมประชุม JTC ไทยปากีสถาน ครั้งที่ 3 ในวันที่ 12-13 ส.ค.นี้ ณ กรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เปิดการเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ปากีสถาน

     สำหรับ การประชุมรัฐมนตรีการค้าของทั้ง 2 ประเทศจะประกาศเริ่มการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-ปากีสถาน และจะหารือแนวทางความร่วมมือ เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน รวมทั้งทำให้การค้า 2 ฝ่ายมีความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น รวมทั้งจะพิจารณาความร่วมมือสาขาที่แต่ละฝ่ายมีศักยภาพและสามารถดำเนินการ เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ อาหาร เกษตรและประมง ยานยนต์และชิ้นส่วน และสิ่งทอ เป็นต้น โดยปากีสถานเป็นแหล่งทรัพยากรด้านอัญมณี และประมงที่สำคัญของไทย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะจัดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทยกับปากีสถานในสาขา อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ อัญมณี เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องจักรกล คู่ขนานไปกับการประชุม โดยมีนักธุรกิจไทยกว่า 30 ราย

      โดยไทยจะเดินหน้าเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการเจรจาจัดทำเอฟทีเอ ไทย-ปากีสถาน ครั้งที่ 1 ระหว่างเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้แผนการเจรจาจัดทำความตกลงเอฟทีเอ ไทย-ปากีสถานเสร็จภายในกลางปี 2560 ซึ่งทั้ง 2 ประเทศตั้งเป้าขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2561 จากปี 2557 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 1,016 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    ทั้งนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้เปิดการเจรจาไทย-ตุรกี หลังจากตุรกีตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) กับไทย ทำให้ไทยต้องเสียภาษีในอัตราปกติ ซึ่งการจัดทำเอฟทีเอจะช่วยให้ไทยได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีจากตุรกีเป็นการถาวร เอื้อประโยชน์โดยตรงให้กับไทยในการเข้าสู่ตลาดที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูง เนื่องจากตุรกีมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 19 ของโลกเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรประมาณ 80 ล้านคน ซึ่งตุรกีจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการเจรจาจัดทำเอฟทีเอ ไทย-ตุรกี ครั้งที่ 1 ระหว่างเดือน ก.ย.นี้ เพื่อผลักดันแผนให้การเจรจาจัดทำความตกลงเอฟทีเอไทย-ตุรกี เสร็จภายในปลายปี 2559 โดยจากการศึกษาพบว่าการจัดทำเอฟทีเอจะส่งผลให้จีดีพีของไทยเพิ่มขึ้น 0.03% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 65.9-76.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!