WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOC copyเลื่อนประมูลข้าวเสียล้านตัน พาณิชย์ขอตั้งทีมเช็คสต๊อกก่อนขาย

    แนวหน้า : รมว.พาณิชย์ ประกาศชะลอประมูลข้าวเสียออกไปก่อน โดยขอตรวจสอบโกดังแยกข้าวดีออกมาให้ชัดเจนก่อนก่อน เพื่อให้รัฐเสียหายน้อยที่สุด คาดน่าจะประกวดราคาทันช่วง ส.ค.นี้ พร้อมการันตีจะไม่มีข้าวเสียหลุดลอดมาสู่ภาคการบริโภคแน่

    พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ทางกระทรวงพาณิชย์จะเลื่อนการเปิดประมูลข้าวเสียปริมาณ 1.29 ล้านตัน ออกไปเปิดประมูลในช่วงต้นเดือน ส.ค. 2558 จากเดิมที่กำหนดจะเปิดประมูลในช่วงปลายเดือน ก.ค. 2558 โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวง ไปดำเนินการร่วมกับนักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) สภาเกษตรกรแห่งชาติ บริษัทตรวจสอบคุณภาพ(เซอร์เวเยอร์) ให้มีการตรวจสอบข้าวปริมาณดังกล่าวให้ชัดเจน ว่ามีปริมาณข้าวดีปนอยู่มากน้อยแค่ไหน และหากมีข้าวดีปนอยู่ก็จะคัดแยกออกมา เพื่อนำมาทำประโยชน์ให้ประเทศ และเพื่อให้รัฐเสียหายน้อยที่สุด

    ตอนนี้ได้ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบคุณภาพข้าวในโกดัง และสรุปออกมาว่าในส่วนข้าวเสียนั้นมีข้าวคุณภาพดีที่ควรจะทำการคัดแยกออกมาหรือไม่ รวมถึงดูไปถึงเรื่องค่าใช้จ่าย ในการคัดแยก และปรับปรุงคุณภาพข้าวคุ้มค่าหรือไม่ เพราะถ้าทำแล้วคุ้มค่าก็ต้องทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด เพราะจะดีกว่าการขายแบบเหมารวม แต่ถ้าดูแล้วไม่คุ้มค่าก็ต้องยอมที่จะเปิดประมูลแบบยกคลังรมว.พาณิชย์ กล่าว

     ขณะเดียวกัน ข้าวเสียปริมาณดังกล่าวที่รัฐจะเปิดให้ประมูล ยืนยันว่าทางรัฐจะดูแล ป้องกัน ไม่ให้ข้าวเสีย และข้าวที่มีเชื้อราปนอยู่กลับเข้ามาในระบบการบริโภค ซึ่งในทางคณะทำงานจะประกาศเงื่อนไขในทีโออาร์อย่างชัดเจน และจะมีการติดตามข้าวที่ประมูลอย่างใกล้ชิด ว่าข้าวที่นำออกไปจากโกดังได้เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมจริง ดังนั้นจึงขอให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะไม่มีข้าวเสียหลุดลอด หมุนเวียนกลับมาสู่ภาคการบริโภคแน่นอน

    อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงจะยังคงเปิดประมูลข้าวดีปริมาณ 4.5 แสนตันในช่วงปลายเดือนก.ค. นี้ ซึ่งการประมูลครั้งนี้เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากภาคเอกชน เพราะขณะนี้ข้าวในท้องตลาดไม่มีแล้ว ขณะที่ข้าวใหม่ก็ยังเพิ่มเริ่มเพาะปลูก เพราะติดปัญหาภัยแล้งทำให้ต้องเลื่อนการเพาะปลูก ประกอบกับภัยแล้งก็ทำให้ปริมาณผลผลิตข้าวของหลายประเทศลดลง ขณะที่ความต้องการข้าวในตลาดโลกยังมีอยู่มาก ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ยังเชื่อว่าทั้งปี 2558 ไทยจะส่งออกข้าวได้ที่ประมาณ 10 ล้านตัน ซึ่งเชื่อว่าในครึ่งปีหลังไทยจะส่งออกข้าวได้มากขึ้นตามความต้องการในตลาดที่สูงขึ้นนอกจากนี้ทางกระทรวง ยังมีแผนจะขยายตลาดส่งออกข้าวให้มากขึ้น โดยในสัปดาห์หน้าตนจะนำคณะเดินทางไปยังแอฟริกาใต้ เพื่อเจรจาให้มีการซื้อข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นด้วย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ได้ประเมินปริมาณข้าวคงเหลือในสต๊อกของรัฐว่ามีอยู่ประมาณ 15 ล้านตัน ซึ่งการที่รัฐมีข้าวมีเหลือปริมาณนี้ ก็ได้ส่งผลกดดันให้ราคาข้าวเปลือกลดลง และยังกดดันให้ราคาข้าวในตลาดโลกไม่ปรับตัวสูงขึ้น เพราะผู้ซื้อเห็นว่าข้าวยังมีปริมาณมาก จึงไม่จำเป็นต้องรีบซื้อข้าว แต่อย่างไรก็ตามก็เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกข้าวไทยในช่วงที่ปริมาณสต๊อกข้าวโลกลดลงจากปัญหาภัยแล้ง และประเมินว่าทั้งปี 2558 ไทยจะส่งออกข้าวได้ประมาณ 9.5 ล้านตัน ซึ่งลดลง จากเดิมที่มองว่าจะส่งออกได้ 10 ล้านตันแต่ก็มีโอกาสจะส่งออกได้ใกล้เคียง 10 ล้านตัน ซึ่งต้องดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ชะลอโละข้าวเน่า 1.3 ล.ตัน

     ไทยโพสต์ : นนทบุรี *'ฉัตรชัย'สั่งชะลอประมูลข้าวเสีย 1.29 ล้านตัน เป็นต้นเดือน ส.ค. สั่งตรวจให้ชัด เผื่อมีข้าวคุณภาพดีปนอยู่ ยันมีระบบป้องกันกลับเข้าสู่ตลาดบริโภค

     พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระ ทรวงพาณิชย์จะเลื่อนการเปิดประมูลข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ในส่วนของข้าวเสียปริมาณ 1.29 ล้านตันจากกำหนดเดิมปลายเดือน ก.ค.นี้ ออกไปเป็นต้นเดือน ส.ค.แทน เนื่องจากต้องมีการตรวจ สอบว่าข้าวที่จะนำมาเปิดประมูลเป็นข้าวเสียทั้งหมด หรือมีข้าวคุณภาพดีปนอยู่ด้วย หากมีข้าวคุณภาพดีปนอยู่ และสามารถคัด แยกออกมาได้ จะทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศเพิ่มขึ้น

     ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ไปดำเนิน การร่วมกับนักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) สภาเกษตรกรแห่งชาติ บริษัทตรวจสอบคุณภาพ (เซอเวเยอร์) ให้ร่วมกันตรวจสอบคุณภาพข้าวในโกดังที่มีการสรุปว่าเป็นข้าวเสีย

   "ถ้าทำแล้วคุ้มค่าก็ต้องทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด เพราะดีกว่าที่จะขาย แบบเหมารวมไป แต่ถ้าดูแล้วไม่คุ้มค่า ก็ต้องยอมที่จะเปิดประมูลแบบยกคลัง" พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว

    สำหรับ ข้าวเสียที่จะเปิดประมูล ยืนยันว่าจะมีระบบการป้องกันไม่ให้ข้าวเสียและข้าวที่มีเชื้อราปนเปื้อน กลับเข้ามาสู่ระบบการบริโภค โดยในการเปิดประมูลจะมีการกำหนดเงื่อนไขไว้ในทีโออาร์ชัดเจนว่าจะต้องนำเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม และจะมีระบบการติดตามข้าวประมูลที่ขนออกจากโกดังว่าไปสู่ภาคอุตสาหกรรมจริง ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าข้าวเสียจะไม่มีการหลุดรอดออกไปอย่างแน่นอน

    อย่างไรก็ตาม ปลายเดือน ก.ค.นี้ จะเปิดประมูลข้าวคุณภาพดีอีก 4-5 แสนตัน โดยมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจเข้าร่วมประมูลจากภาคเอกชน เพราะขณะนี้ข้าวในท้องตลาดไม่มีแล้ว และข้าวฤดูใหม่เพิ่งเริ่มเพาะปลูก ขณะที่ภัยแล้งได้ส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตข้าวของหลายประเทศลดลง ทำให้ความต้องการข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้น.

'จักรมณฑ์'ประสานกลุ่มอุตฯพลาสติก นำข้าวเสื่อมสภาพมาผลิตสินค้า

     แนวหน้า : นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมพลาสติก ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้เชิญกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลาสติกเข้ามาหารือในการนำข้าวที่ค้างในโกดังของรัฐบาลที่เน่าเสียไม่สามารถรับประทานได้มาเป็นส่วนผสมในพลาสติกชีวภาพในสัดส่วนข้าว 20% กับพลาสติกที่ได้จากปิโตรเลียมอีก 80% ซึ่งน่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าการนำไปเผาผลิตเป็นไฟฟ้า

     โดยพลาสติกที่ผลิตจากข้าวเสื่อมคุณภาพนี้ จะไม่นำมาผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหาร เพื่อให้ผู้บริโภคคลายความกังวลใจในเรื่องของการปนเปื้อนเชื่อรา แต่ทั้งนี้ในกระบวนการผลิตพลาสติกที่ผสมข้าวนี้จะต้องผ่านการหลอมเหลวที่อุณหภูมิสูงกว่า 200 องศาเซลเซียสอยู่แล้ว จึงมั่นใจว่า สามารถฆ่าเชื่อราต่างๆได้ แต่ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของผู้บริโภค จึงกำหนดให้นำไปผลิตเป็นเครื่องใช้ต่างๆ เช่น ถุงพลาสติก ถุงดำใส่ขยะ ตะกร้าของขวัญ กล่องพลาสติกต่างๆ กรวยจราจร และแทงแบลิเออร์พลาสติกที่ใช้กั้นถนน เป็นต้น ซึ่งพลาสติกที่ผสมข้าวนี้จะมีความคงทนแข็งแรงไม่ต่ำจากพลาสติกทั่วไป เพราะใช้ข้าวผสมเพียง 20%

     สำหรับ ข้าวที่จะนำมาผสมพลาสติกนี้ในเบื้องต้นจะใช้ประมาณ 1-2 หมื่นตัน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่ไม่มากเมื่อเทียบกับข้าวเสื่อมสภาพที่ค้างในโกดังรัฐบาลที่มีอยู่หลายล้านตัน เนื่องจากเป็นการนำร่องในโครงการพัฒนาพลาสติกชีวภาพของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้ประชาชนได้คุ้นเคยและเชื่อมั่นในคุณภาพพลาสติกที่มีส่วนผสมของพืชการเกษตร ซึ่งในอนาคตจะวิจัยนำวัสดุเหลือใช้การเกษตรมาผสมผลิตพลาสติกมากขึ้น เช่น ฟางข้าว และชานอ้อย เป็นต้น

   "หลังจากนี้จะไปหารือกับภาคเอกชนว่าจะนำไปผลิตเป็นพลาสติกชนิดใดบ้าง เพื่อกำหนดปริมาณข้าวอย่างชัดเจนว่าต้องใช้เท่าไร จากนั้นก็จะนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) และเจรจาซื้อข้าวกับกระทรวงพาณิชย์ จากนั้นก็จะกำหนดนโยบายส่งเสริมให้ผู้ใช้รายใหญ่ เช่น ให้ห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ ซื้อถุงพลาสติกในส่วนนี้ไปใช้ ซึ่งพลาสติกที่ผสมข้าวจะต้องมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับพลาสติกแบบเดิมที่ใช้อยู่" นายจักรมณฑ์ กล่าว

    นายจักรมณฑ์ กล่าวว่า จะนำผลความคืบหน้าของโครงการนี้รายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ในที่ประชุมปลัดกระทรวงที่กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเจ้าภาพ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับโครงการนี้ ก็จะผลักดันให้ก้าวหน้าได้โดยง่าย โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้มุ่งเน้นในการพัฒนาพลาสติกชีวภาพให้เป็นโปรดักส์แชมป์เปี้ยนตัวใหม่ของอุตสาหกรรมไทย เนื่องจากในปัจจุบันประเทศพัฒนาแล้วต่างเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งจะทำให้พลาสติกชีวภาพจะเป็นที่ต้องการของตลาดโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบในการเป็นแหล่งผลิตอ้อย และมันสำปะหลังที่เป็นวัตถุดิบหลักในการนำมาผลิตเป็นพลาสติกชีวภาพเป็นอันดับต้นๆของโลก

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!