- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 19 July 2015 14:58
- Hits: 2404
‘ก.พาณิชย์’กำหนด 5 ยุทธศาสตร์หลัก ส่งเสริมทำตลาดสินค้าอินทรีย์
แนวหน้า : ‘ก.พาณิชย์’กำหนด 5 ยุทธศาสตร์หลัก ส่งเสริมทำตลาดสินค้าอินทรีย์ หลังความต้องการทั่วโลกเพิ่ม
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมการตลาดสินค้าอินทรีย์ของไทยทั้งในและต่างประเทศ สำหรับปี 2557-2559 รวม 5 ยุทธศาสตร์หลัก ประกอบด้วย 1.การสร้างความรู้ ความเข้าใจ ด้านการตลาดสินค้าอินทรีย์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน, 2.การพัฒนาฐานข้อมูลที่ทันสมัย เพื่อใช้ในการวางแผนการตลาดเชิงรุก
3.การขยายตลาดสินค้าอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ, 4.การสร้างความหลากหลายของสินค้าอินทรีย์ให้ตรงตามความต้องการตลาด และ5.การสนับสนุนเชิงนโยบาย โดยการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณามาตรการสนับสนุนสินค้าอินทรีย์เชิงนโยบาย เพื่อผลักดันสินค้าอินทรีย์ให้ก้าวหน้าและเกิดการยอมรับอย่างกว้างขวาง และผลักดันให้ไทยในฐานะหนึ่งในผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญของโลก ได้ก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอินทรีย์ที่สำคัญของโลก
ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่ามูลค่าสินค้าอินทรีย์ในตลาดโลก ปัจจุบันมีมูลค่ารวมสูงถึง 2.3 ล้านล้านบาท แม้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ก็ยังสามารถขยายตลาดได้กว่า 2.5 เท่า สำหรับตลาดเกษตรอินทรีย์ ในไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าอินทรีย์ที่มีคุณภาพ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานทั้งไทยและต่างประเทศ โดยพืชที่นิยมปลูกแบบอินทรีย์มากที่สุดในไทย คือ ข้าว ซึ่งถือว่าไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์มากที่สุดในโลก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิอินทรีย์ เป็นสินค้าที่ตลาดในสหภาพยุโรปต้องการสูงมาก และมีแนวโน้มในการขยายตลาดมากขึ้นในอนาคต
โดยข้าวหอมมะลิอินทรีย์ มีสัดส่วนส่งออก 67% ของสินค้าอินทรีย์ทั้งหมดของไทย มีมูลค่าตันละ 1,400 เหรียญสหรัฐ สูงกว่าข้าวหอมมะลิธรรมดาที่มีมูลค่า 900 กว่าเหรียญสหรัฐต่อตัน จึงเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าส่งออกสินค้าไทยได้ทางหนึ่ง
“ปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคสินค้าอินทรีย์ส่วนใหญ่ 45% อยู่ในสหรัฐ อีก 40% คือกลุ่มยุโรป ส่วน 15% ที่เหลือกระจายกันไปที่ต่างๆทั่วโลก และมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ มีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการบริโภคอาหารแบบเดิมที่พึ่งพิงการใช้สารเคมีค่อนข้างมาก ทำให้ผู้บริโภคมีความใส่ใจในการเลือกซื้อสินค้าโดยคำนึงถึงสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ทำให้เกิดกระแสรักษ์สุขภาพ รวมทั้งมาตรการด้านสุขอนามัยที่เข้มงวดของประเทศผู้นำเข้าอาหาร ส่งผลให้ความต้องการบริโภคอาหารอินทรีย์ขยายตัวมากขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศ” น.ส.ชุติมา กล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ และพร้อมสนับสนุนสินค้าอินทรีย์ของไทยอย่างเต็มที่ โดยระหว่างวันที่ 23-26 กรกฎาคม 2558 จะจัดงาน'Organic & Natural Expo 2015' ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ของไทย โดยจะเป็นงานแสดงสินค้าอินทรีย์และธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไทย คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 40,000 คน และจะมีมูลค่าการจำหน่ายและการเจรจาทางธุรกิจภายในงานสูงกว่างานในครั้งที่ผ่านมา หรือประมาณ 30 ล้านบาท