- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 05 July 2015 08:46
- Hits: 2130
พาณิชย์ คุมเข้มอาหารทะเล ขู่ผู้ค้าห้ามฉวยโอกาสขายแพง-สินค้าไม่ขาดแคลน
บ้านเมือง : พาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาอาหารทะเล จ.สมุทรสาคร พบราคาสูงขึ้นเล็กน้อย ระบุคุมเข้มห้ามฉวยโอกาส ผู้ค้าตลาดทะเลไทยยันสินค้าไม่ขาดแคลน แต่ปลากะพง ปลาเต๋าเต้ย ราคาสูงขึ้น ขณะที่ไข่ไก่ปรับขึ้นฟองละ 10 สต. นอกนั้นราคาทรงตัว
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จะลงพื้นที่ตรวจสอบภาวะการค้าและราคาอาหารทะเล ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร พบว่าราคาอาหารทะเลมีแนวโน้มสูงขึ้นจากปัญหาหยุดเดินเรือประมง ประกอบกับเป็นช่วงปิดอ่าวในฤดูปลาวางไข่ปกติ ส่งผลทำให้ปริมาณอาหารทะเลน้อยลง ราคาปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังไม่มากนัก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ได้กำชับให้ทางเจ้าหน้าที่เข้มงวดป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาเกินควร โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในช่วงที่ปริมานสินค้าลดลง ทางกรมฯ จะมีการเชื่อมโยงสินค้าน้ำจืดทดแทน ซึ่งมั่นใจว่ามีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ
โดยสถานการณ์อาหารทะเลขณะนี้ยังปกติอยู่ แต่ก็อาจจะมีสินค้าทะเลบางชนิดจำหน่ายลดลงบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นขาดแคลนอาหารทะเล เพราะมีอาหารทะเลจากห้องเย็นที่จะคอยมาเติมได้ทันที เพียงพอต่อการบริโภค โดยที่จะไม่มีการกักตุนสินค้า แต่บางทีราคาสินค้าก็อาจจะมีการปรับสูงขึ้นเล็กน้อยตามปริมาณสินค้าที่ลดลง กรมการค้าภายใน จะคอยตรวจสอบราคา โดยที่จะไม่เข้าไปควบคุมราคา ส่วนเรื่องการที่เรือประมงนัดที่จะหยุดวิ่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการแก้ไขอยู่
ทั้งนี้ จากการไปสำรวจพบว่า ราคาอาหารทะเลที่ตลาดทะเลไทย สมุทรสาครในวันนี้ ปลาเก๊าแดง ราคาตามขนาด 220 บาท 280 บาท และ 420 บาท จากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้า บอกว่าราคาในระดับนี้แพงขึ้นกว่าราคาในช่วงปกติถึง 60% เช่น จากขนาด 220 บาท ราคาก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 180 บาท ส่วนปลากะพงราคาอยู่ที่ 200-220 บาทต่อกิโลกรัม แพงขึ้นจากเดิมกิโลกรัมละ 20 บาท ส่วนปลาหมึกกล้วย กิโลกรัมละ 200-250 บาท ปลาหมึกกระดอง กิโลกรัมละ 190 บาท และปลาหมึกหอม กิโลกรัมละ 200 บาท จากภาพรวมพ่อค้าแม่ค้าก็ยอมรับว่าราคาอาหารปรับสูงขึ้นตั้งแต่บังคับใช้มาตราการ 1 ก.ค.
น.ส.ชนกนาถ ติตะพานิชย์ ผู้ค้าอาหารทะเลสด ตลาดทะเลไทย กล่าวว่า สถานการณ์อาหารทะเลสดขณะนี้ในแง่ปริมาณสินค้ายังไม่ลดลง เนื่องจากยังคงมีเรือประมงทยอยกลับเข้าฝั่ง และยังมีสต๊อกอาหารทะเลในห้องเย็นอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้แผงจำหน่ายสินค้ายังคงมีวางจำหน่ายปริมาณเท่าเดิม แต่ในส่วนของราคามีการปรับขึ้นบางชนิด เช่น ปลากะพง ปลาเต๋าเต้ย ราคาสูงขึ้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30-100 บาท ซึ่งบรรยากาศการจำหน่ายอาหารทะเลสดช่วงนี้ไม่คึกคัก ตลาดซึมตัวยาวมา 2 เดือนแล้ว จากปกติที่ช่วงนี้ตลาดควรจะคึกคัก โดยยอดขายลดลงร้อยละ 10-15 จากช่วงปกติ แต่หากสถานการณ์หยุดเดินเรือประมงยังคงยืดเยื้อ คงต้องปรับแผนนำสัตว์น้ำจืดเข้ามาจำหน่ายแทน
นายสุวรรณ มลิลา พาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ปกติอาหารทะเลที่นำมาจำหน่ายจะมาจาก 3 ส่วน คือ มาจากการเพาะเลี้ยง การออกเรือของประมงไทย และมาจากเรือประมงข้ามชาติ แต่ปัญหาขณะนี้ คือ ในส่วนของการออกเรือของประมงไทย มีผลทำให้ราคาสินค้าอาหารทะเลปรับตัวขึ้นประมาณร้อยละ 20-30 เช่น ปลากะพง ปรับขึ้นมา 20 บาท ปลาเก๋า ปลาอินทรี ปรับขึ้นเฉลี่ย 60 บาท แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องรอดูสถานการณ์อีก 1-2 สัปดาห์น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น
ด้านนายสุวันชัย แสงสุขเอี่ยม นายกสมาคมธุรกิจคลังสินค้าไซโล และห้องเย็น จังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ตอนนี้เรื่องสินค้าอาหารทะเลที่ยังอยู่ในห้องเย็นขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าเรือประมงหยุดวิ่งระยะยาวก็น่าจะส่งผลกระทบ แต่โดย ส่วนตัว ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้อยากให้ทางรัฐบาล และตัวแทนชาวประมงมาพูดคุยกันเพื่อหาทางแก้ไขร่วมกัน เพื่อที่จะทำให้ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ตรงจุด และทำให้มีความชัดเจนได้เร็วขึ้น
นายมานะ แดงประเสริฐ ผู้ค้าอาหารทะเล กล่าวว่า แม้ว่าในวันพรุ่งนี้เรือประมงจะนัดกันหยุดไม่ออกไปทำประมง สำหรับพ่อค้าแม่ค้า ตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบ เพราะส่วนใหญ่มีสินค้าสำรองไว้ แต่ถ้าอีก 1-2 อาทิตย์ ยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหานี้ คาดว่าจะต้องมีผลกระทบตามมาแน่ๆ เพราะจะทำให้อาหารทะเลสดที่ต้องออกเรือไปจับมา เช่น ปลาเก๊า ปลาอินทรี ขาดตลาด แต่ในส่วนของปลาที่เลี้ยงในกระชังได้ เช่น กะพง ไม่น่ามีผลกระทบเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ควรที่ต้องแก้ไขอย่างรวดเร็ว
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน รายงานภาวะราคาสินค้าจำหน่ายปลีกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ล่าสุดวันนี้ (3 ก.ค.) พบว่า ราคาสินค้าส่วนใหญ่ทรงตัว เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า มีเพียงไข่ไก่รายการเดียวที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกฟองละ 10 สตางค์ ทำให้ไข่ไก่ เบอร์ 2 ราคาฟองละ 3.10-3.20 บาท ไข่ไก่ เบอร์ 3 ราคาฟองละ 3.00-3.10 บาท
พาณิชย์ ไม่คุมอาหารทะเลรับปริมาณลดราคาเริ่มแพง-คิกออฟธงฟ้าสู่ตำบล
ไทยโพสต์ * พาณิชย์ตรวจอาหารทะเล รับปริมาณลดลง ราคาสูงขึ้นจริง ยันไม่เข้าควบคุมราคา แต่กำชับให้มีการปิดป้ายบอกให้ชัด พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตรวจป้องกันฉวยโอกาส คิกออฟ! ส่งคาราวานธงฟ้าสู่ตำบลช่วยภัยแล้ง ราคาถูกลง 30-50% คาดครบ 755 ตำบลภายในเดือน ก.ค.นี้
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่สำรวจการจำหน่ายสินค้าอาหารทะเลที่ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร หลังเกิดผลกระทบจากการหยุดเดินเรือ ว่า จากการตรวจตลาด พบว่าปริมาณสินค้าอาหารทะเลเข้าสู่ตลาดลดลงจริง ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายประมง ทำให้เรือประมงบางส่วนไม่สามารถออกทำการประมงได้ เพราะไม่มีใบอนุญาตทำประมงที่ถูกกฎหมาย
ทั้งนี้ พบว่า สินค้าอาหารทะเลที่มีอยู่ในสต็อกห้องเย็น ยังสามารถรองรับการบริโภคได้อีกหลายเดือน แต่อาจจะมีการปรับขึ้นราคาตามความต้องการของตลาด ซึ่งได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลผู้ประกอบการห้องเย็น ให้ความร่วมมือไม่กักตุนสิน ค้าทำเพื่อกำไร และระบายสินค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง
"กรมจะไม่มีการประกาศราคาควบคุม เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีการปรับราคาขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา แต่จะใช้วิธีส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราอย่างเข้มงวด ให้ปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคา พร้อมแนะนำให้ผู้บริโภคสินค้าประมงน้ำจืดและน้ำกร่อยทดแทนในช่วงที่อาหารทะเลมีราคาแพง โดยเบื้องต้นได้ประสานกับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำกว่า 135 รายใน 39 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเชื่อมโยงสินค้าประมงน้ำจืดเข้าสู่ตลาดแล้ว" นายบุณยฤทธิ์กล่าว
ทั้งนี้ จากการสำรวจราคาของค้าภายใน จ.สมุทรสาคร พบว่า ปลาอินทรีราคาขึ้นมากิโลกรัม (กก.) ละ 80 บาท โดยจำหน่าย กก.ละ 250 บาท ปลากะพงขาว กก.ละ 250 บาท ปรับเพิ่มขึ้นมา 50 บาท ปลากะพงแดง กก.ละ 270 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 40 บาท ส่วนปลาเก๋าราคาสูงขึ้นค่อนข้างมาก จากเดิม กก.ละ 300 บาท เพิ่มเป็น 400 บาท ปลาจะละเม็ดขาวอยู่ที่ กก.ละ 680 บาท สูงขึ้น 100 บาท ขณะที่กุ้งและปลาหมึกยังจำหน่ายในราคาเดิม กุ้ง 50 ตัวต่อ กก. ราคา 250 บาท ปลาหมึกกล้วย กก.ละ 200 บาท
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เมื่อ วันที่ 3 ก.ค. กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาด ไทย จัดรถธงฟ้าเคลื่อนที่ ขนสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพราคาถูกกว่าท้องตลาดปกติตั้งแต่ 30-50% ออกไปจำหน่ายให้กับประชาชนในจังหวัดที่ประสบภัยแล้งตามข้อมูลการสำรวจของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 19 จังหวัด 128 อำเภอ 755 ตำบล
โดยได้ส่งรถธงฟ้าสู่ชุมชนลงไปในทุกจังหวัดแล้ว โดยจะดำเนินการทุกวัน และคาดว่าจะทำได้ครบทั้ง 755 ตำบล ภายในวันที่ 23 ก.ค.นี้
สำหรับ สินค้าธงฟ้าสู่ชุมชน ที่ได้นำไปจำหน่ายให้กับประชาชนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นสินค้าที่จำเป็น 4 รายการ คือ ข้าวสาร น้ำมันพืช น้ำตาลทราย และไข่ไก่ ลดราคาลงจากราคาตลาดปกติ 50% และอีกกลุ่มเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวน 8 รายการ คือ ยาสระผม สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และน้ำปลา โดยจะลดราคาจำ หน่ายจากราคาปกติ 30-50%.