- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 04 June 2015 09:27
- Hits: 1918
พาณิชย์ สั่งผู้ประกอบการเหล็กในปท.รายงานราคาขายทุกวัน หวั่นฉวยขึ้นราคา ตอบโต้การทุ่มตลาดของเหล็กตปท.
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้าเหล็กว่า กรมฯ ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการสินค้าเหล็กทุกชนิด ทั้งผู้ผลิตและตัวแทนจัดจำหน่าย ต้องรายงานราคาขายเหล็กมาที่กรมฯทุกวันตามแบบฟอร์มที่กรมฯกำหนด เพื่อให้กรมฯได้รับทราบราคาจำหน่ายตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง หรือปรับให้มาอยู่ในบัญชีสินค้า Sensitive List (SL) ที่ต้องติดตามดูแลสถานการณ์ราคาเป็นประจำทุกวัน จากเดิมอยู่ในบัญชี Priority Watch List(PWL) หรือติดตามดูแลอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
"หากผู้ใดไม่รายงานราคาหรือฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา จะใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการต่อไป เช่น คุมราคาขาย เป็นต้น" นายบุณยฤทธิ์ กล่าว
โดยสาเหตุที่ต้องดำเนินมาตรการดังกล่าว เพราะกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด(เอดี) กับสินค้าเหล็กหลายชนิดที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยเรียกเก็บอากรเอดีกับผู้นำเข้า เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ผลิตเหล็กในประเทศให้สามารถแข่งขันกับเหล็กนำเข้าได้อย่างเป็นธรรม ซึ่งการเก็บอากรอาจมีผลทำให้ราคาขายเหล็กนำเข้าสูงขึ้น และอาจส่งผลให้ผู้ประกอบการเหล็กในประเทศฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาขายตามได้
"ผู้ใช้เหล็กในประเทศร้องเรียนว่า การเรียกเก็บอากรเอดีเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศ อาจทำให้ผู้ค้าเหล็กในประเทศฉวยโอกาสขึ้นราคาตาม กรมฯจึงต้องออกมาตรการให้ผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายเหล็กทุกประเภท เช่น เหล็กเส้น เหล็กแผ่น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เป็นต้น ต้องแจ้งราคาขายให้กรมฯทราบทุกวัน ยกเว้นผู้ผลิตและจำหน่ายทินเพลต ที่ใช้ทำกระป๋อง ไม่ต้องทำตามมาตรการนี้ เพราะเป็น 1 ใน 42 รายการสินค้าและบริการควบคุม ที่ใช้มาตรการต้องขออนุญาตก่อนขึ้นราคา และยังขอความร่วมมือให้ขายเหล็กในราคาเหมาะสมกับต้นทุน โดยเฉพาะขณะนี้ต้นทุนผลิตลดลงตามราคาน้ำมันโลกที่ลดลงมาก" นายบุณยฤทธิ์ กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
ปรับ'เหล็ก'ขึ้นบัญชีสินค้าอ่อนไหว พณ.สั่งจับตาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
แนวหน้า : นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยหลังการประชุมร่วมกับผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้าเหล็ก ว่า ทางกรมฯ ได้ขอความร่วมมือในการใช้มาตรการบริหาร โดยขอให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้าเหล็ก มีการแจ้งราคาสินค้าเหล็กทุกประเภท ทั้งจากต้นทางคือผู้ผลิต และปลายทางคือผู้จำหน่าย ให้กรมฯ รับทราบราคาทุกวัน เพราะหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด(เอดี) และมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก(เซฟการ์ด) ทำให้เหล็กที่นำเข้าจากต่างประเทศต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เหล็กที่นำเข้ามีการจำหน่ายในราคาที่สูง อีกทั้งก็มีแนวโน้มที่ราคาเหล็กที่ผลิตในประเทศจะปรับราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการฉวยโอกาส ขึ้นราคาสินค้าเหล็กอย่างไม่เหมาะสม กรมฯ ได้ปรับบัญชีสินค้าเหล็กให้เข้ามาอยู่ในบัญชีสินค้าอ่อนไหว ที่ต้องมีการติดตามราคาสินค้าทุกวัน จากเดิมที่สินค้าเหล็กอยู่ในกลุ่มสินค้าที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ ซึ่งจะต้องติดตามดูแลสถานการณ์สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยผลดังกล่าวจะมีผลทันที
"การประชุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากที่ รมว.พาณิชย์ ได้เรียกหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเหล็กทั้งระบบ เพื่อให้ราคาจำหน่ายมีความเป็นธรรมต่อทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้บริโภค โดยในที่ประชุมก็ได้แจ้งให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้าเหล็ก ว่ากรมฯ จะดูแลสินค้าเหล็กอย่างใกล้ชิดขึ้น จะมีการติดตามราคาทุกวัน และหากราคาจำหน่ายต้นทางไม่มีการปรับขึ้น ตัวแทนจำหน่ายก็ไม่มีเห็นผลต้องปรับขึ้นราคาเช่นกัน ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการ ก็ตอบรับ โดยประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ รับปากแจ้งให้สมาชิกดำเนินการอย่างเคร่งครัด"
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า สินค้าเหล็ก ไม่ได้มีการกำหนดราคาแนะนำเอาไว้ จึงไม่สามารถระบุเพดานราคาได้ ราคาจะขึ้นลงตามความเหมาะสมของตลาด แต่ทั้งนี้กรมฯ ก็ไม่ได้ละเลยในการดูแลสินค้าเหล็ก เพราะหากพบว่าสถานการณ์ราคาสินค้าเหล็กมีการสวิงราคาขึ้นสูงผิดปกติ ก็จะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบทันที และหากถึงขั้นเกิดความไม่เป็นธรรมก็อาจจะมีการใช้ข้อกฎหมายเข้ามาช่วยควบคุม แต่ก็ยอมรับว่าหากไม่จำเป็นจริงๆ ทางกรมฯ ก็ไม่ต้องการใช้กฎหมายเช่นกัน